29 October 2025

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สรุปผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ครั้งที่ 10 ประจำฤดูกาล 2568/69

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จัดประชุม ครั้งที่ 10 ประจำฤดูกาล 2568/69 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน

พิจารณาเรื่องร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน

1. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 18 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรราชบุรี เอฟซี พบ สโมสรลำพูน วอริเออร์ (สโมสรราชบุรี เอฟซี จำนวน 1 เหตุการณ์) 

- เหตุการณ์ 
ในนาทีที่ 36 ขณะที่สโมสรราชบุรี เอฟซี ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย บอลอยู่นอกการเล่น ผู้เล่นหมายเลข 6 นายทศพล ลาเทศ สโมสรลำพูน วอริเออร์ ได้ใช้มือขวาลักษณะกำมือแล้วชกไปที่บริเวณด้านหลังของผู้เล่นหมายเลข 2 Mr. GABRIEL DONATIEN MUTOMBO KUPA สโมสรราชบุรี เอฟซี จนล้มลง ผู้ตัดสินเป่าหยุดการเล่น แต่ VAR ไม่ได้เรียกให้ผู้ตัดสินมาตรวจสอบจอข้างสนามแต่อย่างใด

- ผลพิจารณา
1) ลงโทษนายปวราย์ ศรีจันทร์ ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 3 สัปดาห์ เนื่องจากการกระทำของผู้เล่นหมายเลข 6 นายทศพล ลาเทศ สโมสรลำพูน วอริเออร์ เป็นการทำร้ายคู่ต่อสู้ในขณะที่ลูกบอลอยู่นอกการเล่น ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามกติกา “ประพฤติผิดกติกาอย่างร้ายแรง (Violent Conduct)” อันสมควรได้รับโทษใบแดงโดยตรง  

2) ลงโทษนายวิศเวศ สังข์นคร ผู้ตัดสินวีดิทัศน์ (VAR) และลงโทษนายโชติระวีย์ ทองดวง ผู้ช่วยผู้ตัดสินวีดิทัศน์ (AVAR) ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 2 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นกรณีใบแดงโดยตรง แต่ไม่ได้เรียกผู้ตัดสินมาทำการตรวจสอบจอข้างสนาม

2. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 19 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรชลบุรี เอฟซี พบ สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ร้องเรียนมา 2 เหตุการณ์) 

- เหตุการณ์ที่ 1
ในนาทีที่ 30 ผู้เล่นหมายเลข 32 นายรชต หมอรักษา สโมสรชลบุรี เอฟซี ได้ใช้มือดึงผู้เล่นหมายเลข 55 นายธนวัฒน์ พิมพ์โยธา สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จนล้มลง แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าฟาลว์ ซึ่งทางสโมสรฯ มองว่า เป็นการดึงเพื่อการขัดขวางการเข้าทำประตูของฝ่ายตรงข้าม และเกิดขึ้นภายในกรอบเขตโทษ ควรเป็นการฟาวล์และต้องได้เตะจุดโทษ  

- ผลพิจารณา
นายสัชฌุกร แสนจู ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้อง เนื่องจากผู้เล่นหมายเลข 32 นายรชต หมอรักษา สโมสรชลบุรี เอฟซี ได้พยายามเข้าแย่งลูกบอลในจังหวะดังกล่าวมีการยกมือขึ้นและเกิดการสัมผัสตัวกันระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นลักษณะของการเล่นตามปกติ (Football Understanding) ซึ่งการใช้มือสัมผัสของผู้เล่นหมายเลข 32 นายรชต หมอรักษา สโมสรชลบุรี เอฟซี ไม่ได้ส่งผลให้ผู้เล่นหมายเลข 55 นายธนวัฒน์ พิมพ์โยธา สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ล้มลงหรือเสียจังหวะในการเล่น จึงไม่ถือว่าเป็นการฟาวล์ 

- เหตุการณ์ที่ 2
หลังจบการแข่งขันผู้ตัดสินได้ทำการไล่ออก (ใบแดง) กับประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งทางสโมสรฯ มองว่า ถ้อยคำที่ประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กล่าวนั้น ข้อเท็จจริงไม่เป็นไปตามที่ผู้ควบคุมการแข่งขันรายงาน และไม่ใช่การดูหมิ่น เหยียดหยาม เยาะเย้ย หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ซึ่งการตัดสินใจให้ใบแดงในลักษณะที่เกิดจากการซักถามหาความรับผิดชอบ ถือเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้อง การที่ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ให้คำแนะนำให้แจกใบแดงนั้น เกิดจากอารมณ์ส่วนตัวของผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 โดยปราศจากเหตุผลและกติกา นำมาซึ่งการชี้นำให้ผู้ตัดสินแจกใบแดงโดยมิชอบ

- ผลพิจารณา
1) ลงโทษนายสัชฌุกร แสนจู ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 3 สัปดาห์ เนื่องจากการตรวจสอบคลิปเสียงการสนทนาไม่ปรากฎข้อเท็จจริงถ้อยคำตามที่ผู้ควบคุมการแข่งขันได้รายงาน ซึ่งไม่ได้คำหยาบคาย หรือดูหมิ่นเหยียดหยาม แต่เป็นการแสดงความคิดเห็น หรือความไม่พอใจต่อผลการตัดสินในลักษณะตำหนิ ซึ่งไม่เข้าข่ายถ้อยคำที่สมควรถูกลงโทษด้วยใบแดง

2) ลงโทษนายภัทรพงศ์ กิจสถิตย์ ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 3 สัปดาห์ เนื่องจากให้ข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริงแก่ผู้ตัดสิน

3) ลดโทษนายมิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เหลือพักการทำหน้าที่ 1 นัด และปรับเงิน 1,000 บาท

3. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีล ไฟว์ ลีกสอง วันที่ 18 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี พบ สโมสรนครศรี ยูไนเต็ด (สโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี ร้องเรียนมา 1 เหตุการณ์) 
 
- เหตุการณ์ 
ในนาทีที่ 6 ผู้เล่นหมายเลข 7 นายนันทวัฒน์ สวนแก้ว สโมสรนครศรี ยูไนเต็ด เจตนาเตะเข้าที่ขาผู้เล่นหมายเลข 93 Mr. JAEYONG LEE สโมสรเกษตรศาสตร์ เอฟซี จนล้มลง ซึ่งสโมสรมองว่าฯ ลักษณะดังกล่าวเป็นการทำผิดกติกาในเรื่อง Violent Conduct แบบชัดเจน ซึ่ง VAR ได้เรียกให้ผู้ตัดสินออกมาทำการตรวจสอบ หลังจากผู้ตัดสินตรวจสอบแล้ว ได้กลับมาพิจารณาคาดโทษ (ใบเหลือง) กับผู้เล่นหมายเลข 7 นายนันทวัฒน์ สวนแก้ว สโมสรนครศรี ยูไนเต็ด เท่านั้น 
 
- ผลพิจารณา
1) ลงโทษนายอู่เส็น ยะลา ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการกระทำผู้เล่นหมายเลข 7 นายนันทวัฒน์ สวนแก้ว สโมสรนครศรี ยูไนเต็ด เป็นการเจตนาเตะฝ่ายตรงข้ามในขณะที่ไม่มีการครอบครองลูกบอล มีลักษณะของการเล่นนอกเกมและยั่วยุ แม้แรงปะทะจะไม่รุนแรงจนทำให้บาดเจ็บร้ายแรง แต่ถือเป็นการทำร้ายคู่ต่อสู้ (Violent Conduct) การที่ผู้ตัดสินให้คาดโทษ (ใบเหลือง) ถือเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง  

2) ลงโทษผู้เล่นหมายเลข 7 นายนันทวัฒน์ สวนแก้ว สโมสรนครศรี ยูไนเต็ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.19 ประกอบกับ ข้อ 1.1.2 (1) ใบแดง (Violent Conduct) ถูกพักการแข่งขัน 2 นัด และปรับเงิน 20,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 ลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 13,333 บาท
4. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ดอลฟิน ลีกสาม วันที่ 19 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด พบ สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี (สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี จำนวน 1 เหตุการณ์) 
 
- เหตุการณ์ 
ในนาทีที่ 59 ผู้เล่นหมายเลข 4 นายอนุรักษ์ กมลจิตร สโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด เหยียดเท้าสไลด์เปิดปุ่มเข้าใส่ผู้เล่นหมายเลข 10 นายวงศธร ตโมพุทศิริ สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี ผู้ตัดสินได้ทำการเป่าฟาล์วและให้ใบเหลือง ซึ่งทางสโมสรฯ มองว่า ผู้เล่นหมายเลข 4 นายอนุรักษ์ กมลจิตร สโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด เจตนาทำร้ายคู่ต้อสู้ จังหวะดังกล่าวควรเป็นใบแดง
 
- ผลพิจารณา
1) ลงโทษนายศราวุฒิ เณรรอด ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 3 สัปดาห์ เนื่องจากผู้เล่นหมายเลข 4 นายอนุรักษ์ กมลจิตร สโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด กระโดดเปิดหน้าเท้ายันเข้าที่บริเวณขาเหนือข้อเท้าของผู้เล่นหมายเลข 10 นายวงศธร ตโมพุทศิริ สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี ส่งผลให้ผู้เล่นได้รับบาดเจ็บ ถือเป็นการเข้าปะทะที่ใช้ความรุนแรงและขาดความระมัดระวัง อันเข้าข่ายการกระทำผิดกติกาอย่างร้ายแรง (Serious Foul Play) ซึ่งต้องลงโทษด้วยไล่ออก (ใบแดง) 

2) ลงโทษผู้เล่นหมายเลข 4 นายอนุรักษ์ กมลจิตร สโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.19 ประกอบกับ ข้อ 1.1.2 (3) ใบแดง (Serious Foul Play) ถูกพักการแข่งขัน 1 นัด และปรับเงิน 10,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 ลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 2,500 บาท

พิจารณาเหตุการณ์ไม่ปกติของการแข่งขันกีฬาฟุตบอล

5. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 24 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรการท่าเรือ เอฟซี พบ สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด

- เหตุการณ์
หลังจบการแข่งขัน นักกีฬาสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้เดินไปขอบคุณกองเชียร์เสร็จและได้เดินเข้าห้องพัก ได้มีกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด บริเวณอัฒจันทร์หลังประตูบางส่วนที่ยังไม่เดินลงจากอัฒจันทร์ กองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ร้องเพลงด่าสมาคมฯ ด้วยถ้อยคำหยาบคายเป็นระยะ โดยพร้อมเพรียงกัน  และได้รับรายงานจากหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของสโมสรการท่าเรือ เอฟซี แจ้งว่า มีกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้โยนระเบิดปิงปองจำนวน 1 ลูก ขณะที่รถบัสของกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด กำลังออกจากที่จอดรถ บนถนนการท่าเรือ 1 มีเสียงดัง แต่ไม่มีบุคคลใดได้รับอันตราย

- ผลพิจารณาโทษ
1) เหตุการณ์ที่ 1 ลงโทษกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคายโดยพร้อมเพรียงกัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.1 วรรคสอง ปรับเงิน 40,000 บาท เนื่องจากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ถูกลงโทษไปแล้วจากการกระทำผิด เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 เป็นการกระทำความผิดตามระเบียบนี้ซ้ำในข้อเดียวกันภายในฤดูกาลแข่งขันเดียวกัน จึงเพิ่มโทษกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ปรับเงินเพิ่มอีก 20,000 บาท รวมโทษปรับเงิน 60,000 บาท 

2) เหตุการณ์ที่ 2 ลงโทษกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด กระทำการที่ไม่เหมาะสมในสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.3 ปรับเงิน 60,000 บาท

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.1 ด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 30,000 บาท 

หากการกระทำผิดตามวรรคแรก กระทำโดยบุคคลหลายคนโดยพร้อมเพรียงกัน จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท  

หากเป็นการกระทำโดยผ่านเครื่องโทรโข่ง หรือเครื่องขยายเสียงประกอบการเชียร์ หรือถ่ายทอดสดผ่านทางสื่อออนไลน์ ปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท และห้ามนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าสถานที่จัดการแข่งขัน 1 ถึง 4 นัด

ข้อ 4.3 ใช้วัสดุอุปกรณ์ใด ๆ ที่ก่อให้เกิดการรบกวนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน หรือนักกีฬาฟุตบอลระหว่างการแข่งขัน เช่น การเป่านกหวีด หรือการใช้แตร หรือการใช้แตรไฟฟ้า หรือฉายแสงเลเซอร์ เป็นต้น หรือกระทำการใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมในสถานที่จัดการแข่งขัน ได้แก่ การจุดพลุ หรือจุดประทัด หรือจุดไฟเย็น หรือจุดวัตถุอื่นจนเกิดเป็นควัน หรือจุดพลุบริเวณที่ว่างด้านหลังของอัฒจันทร์ ทั้งก่อน หรือระหว่าง หรือหลังจากการแข่งขันจบลงแล้ว จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท

หากผลจากการกระทำตามวรรคหนึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลใด หรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือสถานที่ใด องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่กระทำ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 70,000 บาท ถึง 150,000 บาท และต้องรับผิดชอบต่อค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ได้รับอันตราย และค่าเสียหายของทรัพย์สินหรือสถานที่ รวมทั้งอาจถูกพิจารณาเพิ่มโทษ

บทที่ 3 ระเบียบว่าด้วยการลงโทษวินัย มารยาท สำหรับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพ และรายการกีฬาฟุตบอลอื่น ๆ ของสมาคม

ข้อความว่า “กรณีที่องค์กรสมาชิก (ทีม) นักกีฬาฟุตบอล เจ้าหน้าที่ทีม กองเชียร์ขององค์กรสมาชิก หรือเจ้าหน้าที่การแข่งขัน กระทำความผิดตามระเบียบนี้ซ้ำในข้อเดียวกันภายในฤดูกาลแข่งขันเดียวกัน ให้พิจารณาเพิ่มโทษอีกไม่เกินกึ่งหนึ่งของกำหนดโทษที่จะลง”

6. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 25 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด พบ สโมสรชลบุรี เอฟซี

- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 83 ผู้ตัดสินสั่งหยุดการเล่นแล้วคาดโทษใบเหลือง แก่ผู้เล่นหมายเลข 8 สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด จากเหตุการณ์นี้ VAR ทำการตรวจสอบเห็นว่า จังหวะนี้หากเป็นการกระทำผิดจริง จะต้องลงโทษด้วยการให้ออกหรือใบแดง แก่ผู้เล่นหมายเลข 8 สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด ทาง VAR จึงแนะนำให้ผู้ตัดสิน ทำการตรวจสอบจากจอภาพ หลังจากการตรวจสอบ มีความเห็นว่า ผู้เล่นหมายเลข 9 สโมสรชลบุรี เอฟซี (ฝ่ายรุก) ทำการยกขาเพื่อสร้างการสัมผัสกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งผู้เล่นหมายเลข 8 สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด มีเจตนาเล่นลูกบอล หลังจากนั้นผู้ตัดสินจึงกลับไปแจ้งยกเลิกใบเหลืองแก่ผู้เล่นหมายเลข 8 สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด และเริ่มเล่นใหม่โดยการ drop ball ให้แก่สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด  จากเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะสร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มเจ้าหน้าที่ทีมของสโมสรชลบุรี เอฟซี ในม้านั่งสำรอง จึงเกิดเสียงมือหรือวัตถุใดกระทบกันเสียงดังขึ้นมา 1 ครั้ง  ต่อจากนั้นจากการบอกเล่าของ พันโท ปภาณ พลสิงหะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 4 - 5 คน ได้เข้าชาร์จกองเชียร์สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด ที่ทำการสาดน้ำแข็งที่อยู่ในแก้วน้ำพลาสติก ลงไปยังพื้นที่ด้านหลังม้านั่งสำรองของสโมสรชลบุรี เอฟซี แต่ไม่ถึงเพราะห่างไกล บุคคลดังกล่าวได้ยกมือไหว้ขอโทษเจ้าหน้าที่และผู้ชม พร้อมกับถูกนำตัวออกจากสนามไป

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษกองเชียร์สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด ขว้างปาวัสดุหรือสิ่งของลงไปในสนาม มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 30,000 บาท 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.4 กองเชียร์ทีมใด หรือกลุ่มบุคคลใด หรือบุคคลใด ขว้างปาหรือกระทำด้วยประการใด ให้วัสดุหรือสิ่งของอื่นใด เข้าไปในสนามก็ดี หรือกระทำต่อนักกีฬาฟุตบอล หรือเจ้าหน้าที่ทีม หรือกองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน หรือเจ้าหน้าที่การแข่งขันก็ดี องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่เป็นผู้กระทำ และ/หรือ องค์กรสมาชิกที่เป็นทีมเหย้าที่ปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าวต้องรับโทษ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท

7. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการ บีวายดี ซีล ไฟว์ ลีกสอง วันที่ 19 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด พบ สโมสรบางกอก เอฟซี 

- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 51 ผู้ตัดสินได้รับแจ้งจากผู้เล่นหมายเลข 56 Mr. Carlos E.D.(LIMA) ของสโมสรบางกอก เอฟซี ว่ามีกองเชียร์สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ตะโกนล้อเลียนตน ผู้ตัดสินจึงหยุดการแข่งขันชั่วคราวและแจ้งผู้ควบคุมการแข่งขันทราบ ผู้ควบคุมการแข่งขันได้ให้สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด เพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยการเพิ่มเจ้าหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุจำนวน 20 นาย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว ใช้เวลาดำเนินการเป็นเวลา 8 นาที การแข่งขันจึงดำเนินต่อไปเป็นปกติจนจบการแข่งขัน

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษกองเชียร์สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด เยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.1 วรรคสอง ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.1 ด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 30,000 บาท 

หากการกระทำผิดตามวรรคแรก กระทำโดยบุคคลหลายคนโดยพร้อมเพรียงกัน จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท  

หากเป็นการกระทำโดยผ่านเครื่องโทรโข่ง หรือเครื่องขยายเสียงประกอบการเชียร์ หรือถ่ายทอดสดผ่านทางสื่อออนไลน์ ปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท และห้ามนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าสถานที่จัดการแข่งขัน 1 ถึง 4 นัด

8. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการ บีวายดี ซีล ไฟว์ ลีกสอง วันที่ 26 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรพัทยา ยูไนเต็ด พบ สโมสรราษีไศล ยูไนเต็ด 

- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 85 ผู้ตัดสินหยุดเกมการแข่งขัน เนื่องจากกองเชียร์ทั้ง 2 ทีม มีปากเสียงและขว้างปาแก้วน้ำใส่กัน ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกี่ใบ ในแก้วน้ำน่าจะมีน้ำอยู่ โดยขว้างประมาณ 2 – 3 ครั้ง และตกเข้ามาในสนามเเข่งขัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าระงับเหตุทันทีจนเหตุการณ์สงบ เสียเวลาไปประมาณ 5 นาที จึงเริ่มการแข่งขันต่อจนจบการแข่งขัน และมีการชดเชยเวลาการแข่งขัน 14 นาที 

- ผลพิจารณาโทษ
1) ลงโทษกองเชียร์สโมสรพัทยา ยูไนเต็ด ขว้างปาวัสดุหรือสิ่งของใส่กองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท 

2) ลงโทษกองเชียร์สโมสรราษีไศล ยูไนเต็ด ขว้างปาวัสดุหรือสิ่งของใส่กองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.4 กองเชียร์ทีมใด หรือกลุ่มบุคคลใด หรือบุคคลใด ขว้างปาหรือกระทำด้วยประการใด ให้วัสดุหรือสิ่งของอื่นใด เข้าไปในสนามก็ดี หรือกระทำต่อนักกีฬาฟุตบอล หรือเจ้าหน้าที่ทีม หรือกองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน หรือเจ้าหน้าที่การแข่งขันก็ดี องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่เป็นผู้กระทำ และ/หรือ องค์กรสมาชิกที่เป็นทีมเหย้าที่ปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าวต้องรับโทษ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท

9. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ดอลฟิน ลีกสาม วันที่ 26 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรสายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด พบ สโมสรฟุตบอลราชนาวี 

- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 67 กองเชียร์สโมสรสายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด ที่นั่งอัฒจันทร์ฝั่งทิศตะวันตก (สังเกตจากเสื้อที่สวมใส่และผังที่นั่งที่ทีมเหย้ากำหนด) ได้ตะโกนด่าผู้ตัดสินโดยพร้อมเพรียงกันด้วยคำหยาบคาย จำนวน 4 ครั้ง เนื่องจากไม่พอใจคำตัดสินของผู้ตัดสิน

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษกองเชียร์สโมสรสายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.1 วรรคสอง ปรับเงิน 20,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 5,000 บาท 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.1 ด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 30,000 บาท 

หากการกระทำผิดตามวรรคแรก กระทำโดยบุคคลหลายคนโดยพร้อมเพรียงกัน จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท  

หากเป็นการกระทำโดยผ่านเครื่องโทรโข่ง หรือเครื่องขยายเสียงประกอบการเชียร์ หรือถ่ายทอดสดผ่านทางสื่อออนไลน์ ปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท และห้ามนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าสถานที่จัดการแข่งขัน 1 ถึง 4 นัด

10. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) วันที่ 22 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรนรา ยูไนเต็ด พบ สโมสรพีที สตูล เอฟซี 
 
- เหตุการณ์
เหตุการณ์ที่ 1 เวลา 18.03 น. หลังจากนายพรศักดิ์ ปักสัน (ผู้ตัดสิน) เป่าจบเกมการแข่งขัน ทีมงานผู้ตัดสินเดินจากกลางสนามเพื่อเข้ามาในห้องพักผู้ตัดสิน ได้มีนายวสัณห์ สังขพันธุ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรนรา ยูไนเต็ด ตาม Official List ลำดับที่ 1 เดินเข้ามาหาผู้ตัดสินและทีมงานผู้ตัดสินในสนามแล้วจับมือผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน และใช้วาจาไม่สุภาพด่าผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินด้วยคำหยาบคาย ประมาณ 4 – 5 ครั้ง เนื่องจากไม่พอใจคำตัดสินของผู้ตัดสินในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินในสนาม ผู้ตัดสินและทีมงานผู้ตัดสินได้ยินชัดเจน
 
เหตุการณ์ที่ 2 เวลาต่อมาเวลาประมาณ 18.05 น. ก่อนที่ทีมงานผู้ตัดสินจะออกจากสนามแข่งขัน (ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่ 1) เพื่อเข้าห้องพักผู้ตัดสิน ได้มีกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด ที่อยู่บนอัฒจันทร์หลัก ฝั่งมีหลังคาด้านขวามือของผู้ควบคุมการแข่งขันและผู้ประเมินผู้ตัดสิน (ด้านหลังม้านั่งสำรองของนักกีฬาทีมเยือน ได้ปาขวดน้ำลงไปในสนามแข่งขัน ขวดน้ำตกบริเวณลู่วิ่งและด้านหลังม้านั่งสำรองทีมเยือน จำนวน 2 ขวด (มีน้ำครึ่งขวด) ขวดน้ำไม่โดนผู้ใด (สาเหตุการปาเนื่องจากไม่พอใจนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมสโมสรพีที สตูล เอฟซี) ยืนยันว่าผู้กระทำผิดคือกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด เนื่องจากสอบถามในที่ประชุมแล้ว ผู้จัดการทีมสโมสรนรา ยูไนเต็ด แจ้งว่าอัฒจันทร์หลักไม่มีกองเชียร์ทีมเยือน และสังเกตเสื้อที่ใส่คือเสื้อเชียร์ของสโมสรนรา ยูไนเต็ด
 
เหตุการณ์ที่ 3 ต่อมาเวลาประมาณ 18.08 น. ก่อนทีมงานผู้ตัดสินจะเดินออกจากสนามเพื่อเดินทางเข้าอุโมงค์ได้มีนายอาลีฟ เปาะจิ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนสโมสรนรา ยูไนเต็ด (ตาม Official List ลำดับที่ 3) เดินเข้าหาผู้ตัดสินและใช้วิทยุสื่อสารตีศีรษะผู้ตัดสิน 
 
เหตุการณ์ที่ 4 ต่อมา เวลาประมาณ 18.15 น. นายมะตอฮา ส้าหย้อ ผู้ตัดสินที่ 4 กำลังเดินเข้าไปห้องพักผู้ตัดสินระหว่างอุโมงค์จะขึ้นบันไดชั้น 2 ของอัฒจันทร์ได้มีกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด (สังเกตจากเสื้อที่ใส่) สาดน้ำใส่ผู้ตัดสินที่ 4 โดนบริเวณใบหน้า
 
เหตุการณ์ที่ 5 ต่อมา เวลาประมาณ 18.16 น. นายสุวิทย์ แก้วรอด ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 กำลังเดินเข้าอุโมงค์เพื่อเข้าห้องพักผู้ตัดสิน ได้ถูกกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด ทำร้ายร่างกายจากข้างหลัง โดยการเตะเข้าไปบริเวณต้นขาด้านหลังเหนือหัวเข่าจำนวน 2 ครั้ง และโดนปาขวดน้ำที่มีน้ำอยู่เข้าบริเวณศีรษะ จำนวน 1 ครั้ง 
 
เหตุการณ์ที่ 6 ต่อมาเวลาประมาณ 18.16 น. ทีมงานผู้ตัดสินและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยและตำรวจพาผู้ตัดสินเดินเข้าอุโมงค์เพื่อเข้าห้องพักผู้ตัดสิน ได้มีกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด (สังเกตจากใส่เสื้อเชียร์นรา ยูไนเต็ด สีขาว) ปาขวดน้ำใส่ศีรษะผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ก่อนจะเข้าอุโมงค์ หลังจากนั้นผู้ควบคุมการแข่งขันได้สอบถามทีมงานผู้ตัดสินทั้งหมดมีทีมงานท่านใดอีกไหมที่ถูกกระทำ ผู้ตัดสินตอบว่า ก่อนจะขึ้นบันไดชั้น 2 ได้มีกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด ต่อยเข้าที่ตาและใบหน้าของผู้ตัดสินด้านขวาได้รับบาดเจ็บและมีรอยช้ำ ตาแดง 
 
เหตุการณ์ที่ 7 เวลาต่อมาเวลาประมาณ 18.30 น. ทีมงานผู้ตัดสิน ผู้ประเมินผู้ตัดสิน และผู้ควบคุมการแข่งขันพูดคุยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อเขียนรายงานได้เห็นท่าที่ไม่ปลอดภัยเนื่องจากห้องผู้ตัดสินล็อกประตูไม่ได้ ผู้ควบคุมการแข่งขันได้แจ้งผู้ประเมินผู้ตัดสินและทีมงานผู้ตัดสินทุกท่านเก็บเสื้อผ้าไปอยู่ในห้องผู้ควบคุมการแข่งขันเพื่อความปลอดภัย และได้โทรหาผู้จัดการทีม นายอับดุลรอมาน เบ็ญฮัมซี สโมสรนรา ยูไนเต็ด ว่ามีกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด ดักรอด้านล่างอัฒจันทร์ประตูทางออก ตั้งแต่เวลา 18.30 น. จนถึง เวลา 19.50 น. (ผู้ควบคุมการแข่งได้จับเวลา) ในช่วงเวลา 18.30 - 19.50 น. ผู้ควบคุมการแข่งขันได้ปรึกษาหารือกับผู้จัดการทีม นายอับดุลรอมาน เบ็ญฮัมซี เพื่อหาแนวทางให้กองเชียร์ออกจากบริเวณหน้าประตูทางออกเพื่อให้ทีมงานผู้ตัดสิน ผู้ประเมินผู้ตัดสิน และผู้ควบคุมการแข่งขัน ได้ออกจากสนามเพื่อกลับบ้าน แต่กองเชียร์บางส่วนไม่ยอมให้ผู้ตัดสินออกจากห้องพักผู้ควบคุมการแข่งขัน และกองเชียร์ตะโกนให้ผู้ตัดสินชี้แจงยอมรับผิดต่อกองเชียร์ (แต่ผู้ควบคุมการแข่งขันไม่อนุญาตให้ผู้ตัดสินออกมาชี้แจงและแถลงใด ๆ ทั้งสิ้น ให้อยู่ในห้อง) และจนถึงเวลา 19.55 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 7-8 นาย มาพูดคุยในห้องผู้ควบคุมการแข่งขันเพื่อวางแผนในการออกจากบริเวณสนาม และห้องพัก ผู้ควบคุมการแข่งขันได้พูดคุยตกลงให้ผู้ตัดสินขึ้นรถตำรวจออกจากสนามและให้ตำรวจขับรถผู้ตัดสินไปส่งครึ่งทาง 10 กิโล (ที่ปั้ม ปตท.) และทีมงานเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย เวลาจบการแข่งขัน 18.03 น. เวลาที่เดินทางออกจากสนาม 19.55 น. รวมระยะเวลา 1 ชั่วโมง 58 นาที  
 
- ผลพิจารณาโทษ
กรณีที่ 1 ลงโทษนายวสัณห์ สังขพันธุ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรนรา ยูไนเต็ด ด่าด้วยคำหยาบคาย มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.6 ถูกพักการทําหน้าที่ 2 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท เนื่องจากเป็นการกระทําต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขันให้พิจารณาเพิ่มโทษ แต่ทั้งนี้โทษรวมที่จะได้รับต้องไม่เกินสองเท่า จึงพิจารณาเพิ่มโทษ นายวสัณห์ สังขพันธุ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรนรา ยูไนเต็ด พักการทําหน้าที่เพิ่มอีก 2 นัด และปรับเงินเพิ่มอีก 20,000 บาท รวมโทษถูกพักการทําหน้าที่ 4 นัด และปรับเงิน 60,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท และพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในการแข่งขัน จึงอาศัยความตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 1 ลักษณะโทษ ข้อ 1.4 ถูกพักการทำหน้าที่ ตามจำนวนนัดที่กำหนดไว้ในข้างต้น โดยให้มีผลในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลทุกรายการที่สมาคมจัดขึ้น
 
กรณีที่ 2 ลงโทษ นายอาลีฟ เปาะจิ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนสโมสรนรา ยูไนเต็ด เจตนาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่การแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.8 (1) ถูกพักการทำหน้าที่ 6 นัด และปรับเงิน 60,000 บาท เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ให้เพิ่มโทษจากเดิมเป็น 2 เท่า จึงเพิ่มโทษพักการทําหน้าที่เพิ่มอีก 6 นัด และปรับเงินเพิ่มอีก 60,000 บาท รวมโทษถูกพักการทําหน้าที่ 12 นัด และปรับเงิน 120,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 40,000 บาท ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหาย และสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์การแข่งขันกีฬาฟุตบอลของทางสมาคมฯ จึงอาศัยความตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 1 ลักษณะโทษ ข้อ 1.4 ถูกพักการทำหน้าที่ ตามจำนวนนัดที่กำหนดไว้ในข้างต้น โดยให้มีผลในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลทุกรายการที่สมาคมจัดขึ้น
 
กรณีที่ 3 ลงโทษกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด ขว้างปาวัสดุใด ๆ ลงไปในสนามแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 60,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท 
 
กรณีที่ 4 ลงโทษกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด ขว้างปาวัสดุใด ๆ ลงไปในสนามแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 60,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท 
 
กรณีที่ 5 ลงโทษกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด ทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.9 ปรับเงิน 50,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 16,666 บาท
 
กรณีที่ 6 ลงโทษสโมสรนรา ยูไนเต็ด บกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัย เรื่องการตรวจค้นห้ามนำขวดน้ำเข้าสนามแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.18 (1) ปรับเงิน 50,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 16,666 บาท
 
กรณีที่ 7 ลงโทษกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือบาดเจ็บสาหัส มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.9 วรรรคสอง ปรับเงิน 100,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 33,333 บาท และชดใช้ค่ารักษาพยาบาลตามที่มีการเรียกร้องมา (หากมี)
 
กรณีที่ 8 ลงโทษสโมสรนรา ยูไนเต็ด บกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัย ไม่สามารถป้องกันหรือระงับเหตุที่เกิดขึ้นและเป็นภาพลต่อการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.18 (2) ปรับเงิน 100,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 33,333 บาท และห้ามใช้สถานที่จัดการแข่งขันทีมเหย้า 1 นัด จนกว่าจะแก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นให้ผ่านการรับรองจากฝ่ายจัดการแข่งขัน และเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการกระทำของกองเชียร์ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุจึงเห็นควรอาศัยอำนาจตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 1 ข้อ 3.3 ห้ามกองเชียร์เข้าสถานที่จัดการแข่งขัน โดยอนุญาตเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันของทั้งสองสโมสร และเจ้าหน้าที่ส่วนกลางของสมาคม เข้าไปทำหน้าที่ในการแข่งขันนัดดังกล่าว เท่านั้น
 
กรณีที่ 9 ลงโทษกองเชียร์สโมสรนรา ยูไนเต็ด ขัดขวางรุมล้อมและคุกคามเจ้าหน้าที่การแข่งขันในสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.7 ปรับเงิน 60,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท 
 
กรณีที่ 10 ลงโทษสโมสรนรา ยูไนเต็ด ไม่จัดหน่วยรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่การแข่งขัน หรือไม่ควบคุมบุคคลใด จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่การแข่งขันถูกรุมล้อม  มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 3.16 ครั้งแรกปรับ 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 10,000 บาท และห้ามใช้สถานที่จัดการแข่งขันทีมเหย้า 1 นัด และเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการกระทำของกองเชียร์ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุจึงเห็นควรอาศัยอำนาจตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 1 ข้อ 3.3 ห้ามกองเชียร์เข้าสถานที่จัดการแข่งขัน โดยอนุญาตเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันของทั้งสองสโมสร และเจ้าหน้าที่ส่วนกลางของสมาคม เข้าไปทำหน้าที่ในการแข่งขันนัดดังกล่าว เท่านั้น 
 
กรณีที่ 11 ลงโทษสโมสรนรา ยูไนเต็ด บกพร่องด้านงานรักษาความปลอดภัย ปล่อยให้มีการขัดขวางรุมล้อมและคุกคามเจ้าหน้าที่การแข่งขันในสถานที่จัดการแข่งขันเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่การแข่งขันตกอยู่ในสภาวะที่ไม่ปลอดภัย และไม่สามารถออกจากสถานที่จัดการแข่งขันได้เป็นเวลานานเกินกว่า 1 ชั่วโมง มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.18 (5) ปรับเงิน 50,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 16,666 บาท 
 
- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
หมวดที่ 1 ลักษณะโทษ
 
ข้อ 1. โทษของนักกีฬาฟุตบอล หรือเจ้าหน้าที่ทีม มีดังนี้
1.4 ถูกพักการแข่งขัน/ถูกพักการทำหน้าที่
 
ข้อ 2. โทษขององค์กรสมาชิก (ทีม) มีดังนี้
2.3 เล่นโดยไม่อนุญาตให้กองเชียร์ของทีมเหย้าเข้าสถานที่จัดการแข่งขัน
2.4 เล่นในสถานที่จัดการแข่งขันกลาง ที่คณะกรรมการกำหนด
 
ข้อ 3. โทษของกองเชียร์ หรือกลุ่มบุคคล หรือบุคคล ทำให้องค์กรสมาชิกต้องถูกลงโทษ มีดังนี้
3.3 ห้ามเข้าสถานที่จัดการแข่งขัน
 
ข้อ 2.6 กรณีด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย ถูกพักการทำหน้าที่ 2 นัด และจะถูกปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 40,000 บาท
 
หากเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ให้พิจารณาเพิ่มโทษแต่ทั้งนี้โทษรวมที่จะได้รับต้องไม่เกินสองเท่า
 
ข้อ 2.8 กรณีทำร้ายร่างกายบุคคลใด แต่ละกรณีมีโทษดังนี้
(1) ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย ถูกพักการทำหน้าที่ 3 นัด ถึง 6 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 60,000 บาท 
(2) เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย ถูกพักการทำหน้าที่ 6 นัด ถึง 9 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 80,000 บาท 
(3) เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ถูกพักการทำหน้าที่ 9 นัด ถึง 12 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 80,000 บาท ถึง 100,000 บาท
(4) เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายจนถึงแก่ความตาย ถูกห้ามทำหน้าที่และห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลตลอดชีวิต และปรับเงินตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 150,000 บาท 
 
การกระทำผิดตามข้อ (2) ถึง (4) ในแต่ละกรณี ต้องรับผิดชอบต่อค่ารักษาพยาบาล และชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 
 
โทษตามข้อ (1) ถึง (3) หากเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ให้เพิ่มโทษจากเดิมเป็น 2 เท่า เว้นแต่ข้อ (4) เพิ่มแต่เฉพาะค่าปรับขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า เท่านั้น
 
ทั้งนี้ หากผู้กระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหาย และสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์การแข่งขันกีฬาฟุตบอลของทางสมาคมฯ ให้องค์คณะตุลาการสามารถพิจารณาเพิ่มโทษได้ตามลักษณะโทษที่กำหนดไว้ในระเบียบ
 
ข้อ 3.16 องค์กรสมาชิกทีมเหย้าใด ไม่จัดหน่วยรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่การแข่งขัน หรือไม่ควบคุมบุคคลใด จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่การแข่งขันถูกรุมล้อม หรือกักขัง จนไม่สามารถเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่จัดการแข่งขันได้ หรือไม่สามารถออกจากสถานที่จัดการแข่งขันได้ ภายใน 1 ชั่วโมง นับแต่เวลาการแข่งขันสิ้นสุดลงอย่างปลอดภัย มีโทษดังนี้
 
ครั้งแรกปรับ 10,000 บาท ถึง 30,000 บาท และ/หรือ ห้ามใช้สถานที่จัดการแข่งขันทีมเหย้า 1 นัด
ครั้งที่สองปรับ 40,000 บาท ถึง 60,000 บาท และ/หรือ ห้ามใช้สถานที่จัดการแข่งขันทีมเหย้า 3 นัด และ/หรือ ถูกตัดคะแนน 3 คะแนน
ครั้งที่สามปรับ 70,000 บาท ถึง 120,000 บาท และ/หรือ ห้ามใช้สถานที่จัดการแข่งขันทีมเหย้าตลอดฤดูกาลแข่งขัน และ/หรือ ถูกตัดคะแนน 6 คะแนน
 
ข้อ 4.4 กองเชียร์ทีมใด หรือกลุ่มบุคคลใด หรือบุคคลใด ขว้างปาหรือกระทำด้วยประการใด ให้วัสดุหรือสิ่งของอื่นใด เข้าไปในสนามก็ดี หรือกระทำต่อนักกีฬาฟุตบอล หรือเจ้าหน้าที่ทีม หรือกองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน หรือเจ้าหน้าที่การแข่งขันก็ดี องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่เป็นผู้กระทำ และ/หรือ องค์กรสมาชิกที่เป็นทีมเหย้าที่ปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าวต้องรับโทษ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท
 
ข้อ 4.7 ขัดขวางรุมล้อม หรือคุกคาม เจ้าหน้าที่การแข่งขัน หรือนักกีฬาฟุตบอล หรือเจ้าหน้าที่ทีม หรือกองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน ในสถานที่จัดการแข่งขัน จนอาจจะเป็นเหตุให้เกิดความไม่ปลอดภัย จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000  บาท 
 
องค์กรสมาชิกทีมเหย้า มีความผิดต้องรับโทษตามข้อ 5.3.18 แล้วแต่กรณี
หากเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน ทำให้การแข่งขันนัดนั้นต้องยุติลง องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่ก่อเหตุ จะถูกปรับเงิน 100,000 บาท และรับผิดชอบค่าเสียหายตามที่ฝ่ายสิทธิประโยชน์เรียกร้องมา และถูกปรับแพ้
 
ข้อ 4.9 ทำร้ายบุคคลใด ในสถานที่จัดการแข่งขัน โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จะถูกปรับเงิน 50,000 บาท 
หากการกระทำดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือบาดเจ็บสาหัส หรือถึงแก่ความตาย จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 200,000 บาท และชดใช้ค่ารักษาพยาบาลตามที่มีการเรียกร้องมา รวมทั้งอาจพิจารณาเพิ่มโทษ 
 
องค์กรสมาชิกทีมเหย้า มีความผิดต้องรับโทษตามข้อ 5.3.18 แล้วแต่กรณี
 
ข้อ 5.3.18 ความบกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัยในวันแข่งขัน
(1) บกพร่องในการตรวจเช็คหรือควบคุมไม่ให้กองเชียร์หรือบุคคลใด นำขวดน้ำ พลุ ประทัดดอกไม้ไฟ หรือวัสดุที่สามารถนำไปใช้ในการทำร้ายกันได้ เข้าไปในสถานที่จัดการแข่งขัน หรืออัฒจันทร์ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท
(2) หากองค์กรสมาชิกที่เป็นทีมเหย้า ไม่สามารถป้องกันหรือระงับเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำในสถานที่จัดการแข่งขันไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นภาพลบต่อการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพ จะถูกลงโทษปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท และ/หรือ ห้ามจัดการแข่งขันในฐานะทีมเหย้า 1 นัดเป็นอย่างน้อย จนกว่าจะแก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นให้ผ่านการรับรองจากฝ่ายจัดการแข่งขัน
(5) ปล่อยให้มีการขัดขวางรุมล้อม หรือคุกคาม บุคคลใด ในสถานที่จัดการแข่งขัน จนอาจจะเป็นเหตุให้เกิดความไม่ปลอดภัยและไม่สามารถออกจากสถานที่จัดการแข่งขัน เกินกว่า 1 ชั่วโมง นับแต่ก่อเหตุ จะถูกปรับเงิน 50,000 บาท 

11. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) วันที่ 22 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรหัวหิน ซิตี้ พบ สโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด 

- เหตุการณ์
ในเวลา 18.00 น. ผู้ตัดสินกำลังจะให้สัญญานเริ่มเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ไฟฟ้าส่องสว่าง เสาด้านหลังผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ได้ดับลง ผู้ตัดสินได้พิจารณาแล้ว แสงสว่างไม่เพียงพอ ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เป็นอุปสรรคในการตัดสิน ผู้ตัดสินจึงแจ้งผู้ควบคุมการแข่งขันดำเนินการ ผู้ควบคุมการแข่งขันได้ประสานงานทีมเหย้าแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเริ่มจับเวลาตามระเบียบการแข่งขัน เวลา 18.05 น. ทีมเหย้าได้ดำเนินการแก้ไข แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ จนครบ 60 นาที (19.05 น.) ตามระเบียบการแข่งขันฯ ผู้ควบคุมการแข่งขัน จึงยกเลิกการแข่งขัน และแจ้งคู่แข่งขันทราบ (สาเหตุของไฟฟ้าดับ เนื่องจากเทศบาลนครหัวหินผู้ดูแลสนามได้ทำการทำถนนใหม่ทำให้สายไฟชำรุด)

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษสโมสรหัวหิน ซิตี้ ไฟฟ้าส่องสว่างสำหรับใช้ส่องสนามแข่งขันขัดข้อง จนไม่สามารถดำเนินการแข่งขันต่อไปได้ มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.1.10 (2) ให้ปรับสโมสรหัวหิน ซิตี้ แพ้ สโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด ประกอบกับบทที่ 3 ของระเบียบดังกล่าว ข้อความว่า “ข้อกำหนดบทลงโทษเรื่องการปรับแพ้ ให้ปรับทีมนั้นเป็นแพ้ โดยให้นับประตูเสียตามที่เสียจริง หากเสียน้อยกว่า 3 ประตู ให้นับประตูเสียเป็น 3 ประตู ส่วนประตูได้ให้ปรับเป็น 0 ประตู” จึงลงโทษปรับสโมสรหัวหิน ซิตี้ แพ้ สโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด 0 ประตูต่อ 3 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 5.1.10 ไฟฟ้าส่องสว่างสำหรับใช้ส่องสนามแข่งขันขัดข้อง จนไม่สามารถดำเนินการแข่งขันต่อไปได้ในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังนี้ 
(1) ไฟฟ้าส่องสนามขัดข้องมากกว่า 3 ครั้ง ในระหว่างการแข่งขัน  
(2) ไฟฟ้าส่องสนามขัดข้องเป็นระยะเวลารวมกันทั้งหมดเกินกว่า 60 นาที  

องค์กรสมาชิกที่เป็นทีมเหย้า มีโทษถูกปรับแพ้ ทั้งต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายตามที่เกิดขึ้นจริงกับสมาคม

ความในข้อนี้มิให้ใช้บังคับสำหรับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการไทยลีก 3

12. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) วันที่ 22 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรสมุย ยูไนเต็ด พบ สโมสรเอฟซี ยะลา 
 
- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 40 ได้เกิดการปะทะของผู้เล่นทั้งสองทีมบริเวณหน้าม้านั่งสโมสรเอฟซี ยะลา ผู้เล่นหมายเลข 77 ศตวรรษ ศักดิ์พรหม สโมสรสมุย ยูไนเต็ด กับผู้เล่นหมายเลข 21 นายธีรภัทร เกษโสภา สโมสรเอฟซี ยะลาและผู้เล่นหมายเลข 77 ศตวรรษ ศักดิ์พรหม สโมสรสมุย ยูไนเต็ด ได้เข้ามาบีบคอผู้เล่นหมายเลข 21 นายธีรภัทร เกษโสภา สโมสรเอฟซี ยะลา ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุน และได้มีนายธีรธาดา จำรัส ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน สโมสรเอฟซี ยะลา เข้ามาบีบคอผู้เล่นหมายเลข 77 ศตวรรษ ศักดิ์พรหม สโมสรสมุย ยูไนเต็ด ผู้ตัดสินคาดโทษใบแดง ผู้เล่นหมายเลข 77 ศตวรรษ ศักดิ์พรหม สโมสรสมุย ยูไนเต็ด และนายธีรธาดา จำรัส ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน สโมสรเอฟซี ยะลา หลังจากนายธีรธาดา จำรัส ได้รับใบแดงแล้ว ยังได้ฝ่าฝืนเข้าไปในสนามช่วงพักของการต่อเวลา ผู้ตัดสินได้ให้ออกจากสนาม และในช่วงพักครึ่งได้เข้าไปสอนในห้องแต่งตัว
 
- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษ นายธีรธาดา จำรัส ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน สโมสรเอฟซี ยะลา ไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทีมที่ถูกพักการทำหน้าที่ มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.14 ถูกพักการทำหน้าที่เพิ่มอีก 1 นัด และปรับเงิน 20,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) จึงลงโทษปรับหนึ่งในสาม ปรับเงิน 6,666 บาท
 
- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 2.14 เจ้าหน้าที่ทีม ที่ถูกลงโทษตามลักษณะโทษของเจ้าหน้าที่ทีม ต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทีม ถูกพักการทำหน้าที่ ที่กำหนดไว้ในระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการจัดการแข่งขัน ในแต่ละรายการแข่งขัน หากฝ่าฝืนให้ถือว่าเจ้าหน้าที่ทีมยังมิได้รับโทษครบตามที่กำหนด จะต้องถูกลงโทษ ถูกพักการทำหน้าที่เพิ่มอีก 1 นัด และปรับเงิน 20,000 บาท

 

ข่าวสารอื่นๆ

Development

29 October 2025

ประกาศ : รายชื่อผู้ ผ่านการอบรมหลักสูตร "ซี ไลเซนส์" เดือน สิงหาคม ประจำปี 2568

ประกาศ : รายชื่อผู้ ผ่านการอบรมหลักสูตร "ซี ไลเซนส์" เดือน สิงหาคม ประจำปี 2568

Organization

28 October 2025

แถลงการณ์สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เรื่องการจับสลาก การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน U19

แถลงการณ์สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เรื่องการจับสลาก การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน U19

National Team Men

28 October 2025

สมาคมฯ ประชุมเตรียมแผนฟีฟ่า เดย์ พ.ย. ก่อนสู้ศึก ซีเกมส์-ชิงแชมป์เอเชีย U23 รอบสุดท้าย

สมาคมฯ ประชุมเตรียมแผนฟีฟ่า เดย์ พ.ย. ก่อนสู้ศึก ซีเกมส์-ชิงแชมป์เอเชีย U23 รอบสุดท้าย