29 October 2025
10 ชั่วโมงที่ผ่านมา
สรุปผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ครั้งที่ 10 ประจำฤดูกาล 2568/69
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จัดประชุม ครั้งที่ 10 ประจำฤดูกาล 2568/69 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน
พิจารณาเรื่องร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน
1. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 18 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรราชบุรี เอฟซี พบ สโมสรลำพูน วอริเออร์ (สโมสรราชบุรี เอฟซี จำนวน 1 เหตุการณ์)
- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 36 ขณะที่สโมสรราชบุรี เอฟซี ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย บอลอยู่นอกการเล่น ผู้เล่นหมายเลข 6 นายทศพล ลาเทศ สโมสรลำพูน วอริเออร์ ได้ใช้มือขวาลักษณะกำมือแล้วชกไปที่บริเวณด้านหลังของผู้เล่นหมายเลข 2 Mr. GABRIEL DONATIEN MUTOMBO KUPA สโมสรราชบุรี เอฟซี จนล้มลง ผู้ตัดสินเป่าหยุดการเล่น แต่ VAR ไม่ได้เรียกให้ผู้ตัดสินมาตรวจสอบจอข้างสนามแต่อย่างใด
- ผลพิจารณา
1) ลงโทษนายปวราย์ ศรีจันทร์ ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 3 สัปดาห์ เนื่องจากการกระทำของผู้เล่นหมายเลข 6 นายทศพล ลาเทศ สโมสรลำพูน วอริเออร์ เป็นการทำร้ายคู่ต่อสู้ในขณะที่ลูกบอลอยู่นอกการเล่น ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามกติกา “ประพฤติผิดกติกาอย่างร้ายแรง (Violent Conduct)” อันสมควรได้รับโทษใบแดงโดยตรง
2) ลงโทษนายวิศเวศ สังข์นคร ผู้ตัดสินวีดิทัศน์ (VAR) และลงโทษนายโชติระวีย์ ทองดวง ผู้ช่วยผู้ตัดสินวีดิทัศน์ (AVAR) ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 2 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นกรณีใบแดงโดยตรง แต่ไม่ได้เรียกผู้ตัดสินมาทำการตรวจสอบจอข้างสนาม
2. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 19 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรชลบุรี เอฟซี พบ สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ร้องเรียนมา 2 เหตุการณ์)
- เหตุการณ์ที่ 1
ในนาทีที่ 30 ผู้เล่นหมายเลข 32 นายรชต หมอรักษา สโมสรชลบุรี เอฟซี ได้ใช้มือดึงผู้เล่นหมายเลข 55 นายธนวัฒน์ พิมพ์โยธา สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จนล้มลง แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าฟาลว์ ซึ่งทางสโมสรฯ มองว่า เป็นการดึงเพื่อการขัดขวางการเข้าทำประตูของฝ่ายตรงข้าม และเกิดขึ้นภายในกรอบเขตโทษ ควรเป็นการฟาวล์และต้องได้เตะจุดโทษ
- ผลพิจารณา
นายสัชฌุกร แสนจู ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้อง เนื่องจากผู้เล่นหมายเลข 32 นายรชต หมอรักษา สโมสรชลบุรี เอฟซี ได้พยายามเข้าแย่งลูกบอลในจังหวะดังกล่าวมีการยกมือขึ้นและเกิดการสัมผัสตัวกันระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นลักษณะของการเล่นตามปกติ (Football Understanding) ซึ่งการใช้มือสัมผัสของผู้เล่นหมายเลข 32 นายรชต หมอรักษา สโมสรชลบุรี เอฟซี ไม่ได้ส่งผลให้ผู้เล่นหมายเลข 55 นายธนวัฒน์ พิมพ์โยธา สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ล้มลงหรือเสียจังหวะในการเล่น จึงไม่ถือว่าเป็นการฟาวล์
- เหตุการณ์ที่ 2
หลังจบการแข่งขันผู้ตัดสินได้ทำการไล่ออก (ใบแดง) กับประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งทางสโมสรฯ มองว่า ถ้อยคำที่ประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กล่าวนั้น ข้อเท็จจริงไม่เป็นไปตามที่ผู้ควบคุมการแข่งขันรายงาน และไม่ใช่การดูหมิ่น เหยียดหยาม เยาะเย้ย หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ซึ่งการตัดสินใจให้ใบแดงในลักษณะที่เกิดจากการซักถามหาความรับผิดชอบ ถือเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้อง การที่ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ให้คำแนะนำให้แจกใบแดงนั้น เกิดจากอารมณ์ส่วนตัวของผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 โดยปราศจากเหตุผลและกติกา นำมาซึ่งการชี้นำให้ผู้ตัดสินแจกใบแดงโดยมิชอบ
- ผลพิจารณา
1) ลงโทษนายสัชฌุกร แสนจู ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 3 สัปดาห์ เนื่องจากการตรวจสอบคลิปเสียงการสนทนาไม่ปรากฎข้อเท็จจริงถ้อยคำตามที่ผู้ควบคุมการแข่งขันได้รายงาน ซึ่งไม่ได้คำหยาบคาย หรือดูหมิ่นเหยียดหยาม แต่เป็นการแสดงความคิดเห็น หรือความไม่พอใจต่อผลการตัดสินในลักษณะตำหนิ ซึ่งไม่เข้าข่ายถ้อยคำที่สมควรถูกลงโทษด้วยใบแดง
2) ลงโทษนายภัทรพงศ์ กิจสถิตย์ ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 3 สัปดาห์ เนื่องจากให้ข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริงแก่ผู้ตัดสิน
3) ลดโทษนายมิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เหลือพักการทำหน้าที่ 1 นัด และปรับเงิน 1,000 บาท
พิจารณาเหตุการณ์ไม่ปกติของการแข่งขันกีฬาฟุตบอล
5. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 24 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรการท่าเรือ เอฟซี พบ สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด
- เหตุการณ์
หลังจบการแข่งขัน นักกีฬาสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้เดินไปขอบคุณกองเชียร์เสร็จและได้เดินเข้าห้องพัก ได้มีกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด บริเวณอัฒจันทร์หลังประตูบางส่วนที่ยังไม่เดินลงจากอัฒจันทร์ กองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ร้องเพลงด่าสมาคมฯ ด้วยถ้อยคำหยาบคายเป็นระยะ โดยพร้อมเพรียงกัน และได้รับรายงานจากหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของสโมสรการท่าเรือ เอฟซี แจ้งว่า มีกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้โยนระเบิดปิงปองจำนวน 1 ลูก ขณะที่รถบัสของกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด กำลังออกจากที่จอดรถ บนถนนการท่าเรือ 1 มีเสียงดัง แต่ไม่มีบุคคลใดได้รับอันตราย
- ผลพิจารณาโทษ
1) เหตุการณ์ที่ 1 ลงโทษกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคายโดยพร้อมเพรียงกัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.1 วรรคสอง ปรับเงิน 40,000 บาท เนื่องจากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ถูกลงโทษไปแล้วจากการกระทำผิด เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 เป็นการกระทำความผิดตามระเบียบนี้ซ้ำในข้อเดียวกันภายในฤดูกาลแข่งขันเดียวกัน จึงเพิ่มโทษกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ปรับเงินเพิ่มอีก 20,000 บาท รวมโทษปรับเงิน 60,000 บาท
2) เหตุการณ์ที่ 2 ลงโทษกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด กระทำการที่ไม่เหมาะสมในสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.3 ปรับเงิน 60,000 บาท
- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.1 ด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 30,000 บาท
หากการกระทำผิดตามวรรคแรก กระทำโดยบุคคลหลายคนโดยพร้อมเพรียงกัน จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท
หากเป็นการกระทำโดยผ่านเครื่องโทรโข่ง หรือเครื่องขยายเสียงประกอบการเชียร์ หรือถ่ายทอดสดผ่านทางสื่อออนไลน์ ปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท และห้ามนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าสถานที่จัดการแข่งขัน 1 ถึง 4 นัด
ข้อ 4.3 ใช้วัสดุอุปกรณ์ใด ๆ ที่ก่อให้เกิดการรบกวนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน หรือนักกีฬาฟุตบอลระหว่างการแข่งขัน เช่น การเป่านกหวีด หรือการใช้แตร หรือการใช้แตรไฟฟ้า หรือฉายแสงเลเซอร์ เป็นต้น หรือกระทำการใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมในสถานที่จัดการแข่งขัน ได้แก่ การจุดพลุ หรือจุดประทัด หรือจุดไฟเย็น หรือจุดวัตถุอื่นจนเกิดเป็นควัน หรือจุดพลุบริเวณที่ว่างด้านหลังของอัฒจันทร์ ทั้งก่อน หรือระหว่าง หรือหลังจากการแข่งขันจบลงแล้ว จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท
หากผลจากการกระทำตามวรรคหนึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลใด หรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือสถานที่ใด องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่กระทำ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 70,000 บาท ถึง 150,000 บาท และต้องรับผิดชอบต่อค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ได้รับอันตราย และค่าเสียหายของทรัพย์สินหรือสถานที่ รวมทั้งอาจถูกพิจารณาเพิ่มโทษ
บทที่ 3 ระเบียบว่าด้วยการลงโทษวินัย มารยาท สำหรับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพ และรายการกีฬาฟุตบอลอื่น ๆ ของสมาคม
ข้อความว่า “กรณีที่องค์กรสมาชิก (ทีม) นักกีฬาฟุตบอล เจ้าหน้าที่ทีม กองเชียร์ขององค์กรสมาชิก หรือเจ้าหน้าที่การแข่งขัน กระทำความผิดตามระเบียบนี้ซ้ำในข้อเดียวกันภายในฤดูกาลแข่งขันเดียวกัน ให้พิจารณาเพิ่มโทษอีกไม่เกินกึ่งหนึ่งของกำหนดโทษที่จะลง”
6. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 25 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด พบ สโมสรชลบุรี เอฟซี
- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 83 ผู้ตัดสินสั่งหยุดการเล่นแล้วคาดโทษใบเหลือง แก่ผู้เล่นหมายเลข 8 สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด จากเหตุการณ์นี้ VAR ทำการตรวจสอบเห็นว่า จังหวะนี้หากเป็นการกระทำผิดจริง จะต้องลงโทษด้วยการให้ออกหรือใบแดง แก่ผู้เล่นหมายเลข 8 สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด ทาง VAR จึงแนะนำให้ผู้ตัดสิน ทำการตรวจสอบจากจอภาพ หลังจากการตรวจสอบ มีความเห็นว่า ผู้เล่นหมายเลข 9 สโมสรชลบุรี เอฟซี (ฝ่ายรุก) ทำการยกขาเพื่อสร้างการสัมผัสกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งผู้เล่นหมายเลข 8 สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด มีเจตนาเล่นลูกบอล หลังจากนั้นผู้ตัดสินจึงกลับไปแจ้งยกเลิกใบเหลืองแก่ผู้เล่นหมายเลข 8 สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด และเริ่มเล่นใหม่โดยการ drop ball ให้แก่สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด จากเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะสร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มเจ้าหน้าที่ทีมของสโมสรชลบุรี เอฟซี ในม้านั่งสำรอง จึงเกิดเสียงมือหรือวัตถุใดกระทบกันเสียงดังขึ้นมา 1 ครั้ง ต่อจากนั้นจากการบอกเล่าของ พันโท ปภาณ พลสิงหะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 4 - 5 คน ได้เข้าชาร์จกองเชียร์สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด ที่ทำการสาดน้ำแข็งที่อยู่ในแก้วน้ำพลาสติก ลงไปยังพื้นที่ด้านหลังม้านั่งสำรองของสโมสรชลบุรี เอฟซี แต่ไม่ถึงเพราะห่างไกล บุคคลดังกล่าวได้ยกมือไหว้ขอโทษเจ้าหน้าที่และผู้ชม พร้อมกับถูกนำตัวออกจากสนามไป
- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษกองเชียร์สโมสรอยุธยา ยูไนเต็ด ขว้างปาวัสดุหรือสิ่งของลงไปในสนาม มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 30,000 บาท
- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.4 กองเชียร์ทีมใด หรือกลุ่มบุคคลใด หรือบุคคลใด ขว้างปาหรือกระทำด้วยประการใด ให้วัสดุหรือสิ่งของอื่นใด เข้าไปในสนามก็ดี หรือกระทำต่อนักกีฬาฟุตบอล หรือเจ้าหน้าที่ทีม หรือกองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน หรือเจ้าหน้าที่การแข่งขันก็ดี องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่เป็นผู้กระทำ และ/หรือ องค์กรสมาชิกที่เป็นทีมเหย้าที่ปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าวต้องรับโทษ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท
7. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการ บีวายดี ซีล ไฟว์ ลีกสอง วันที่ 19 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด พบ สโมสรบางกอก เอฟซี
- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 51 ผู้ตัดสินได้รับแจ้งจากผู้เล่นหมายเลข 56 Mr. Carlos E.D.(LIMA) ของสโมสรบางกอก เอฟซี ว่ามีกองเชียร์สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ตะโกนล้อเลียนตน ผู้ตัดสินจึงหยุดการแข่งขันชั่วคราวและแจ้งผู้ควบคุมการแข่งขันทราบ ผู้ควบคุมการแข่งขันได้ให้สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด เพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยการเพิ่มเจ้าหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุจำนวน 20 นาย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว ใช้เวลาดำเนินการเป็นเวลา 8 นาที การแข่งขันจึงดำเนินต่อไปเป็นปกติจนจบการแข่งขัน
- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษกองเชียร์สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด เยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.1 วรรคสอง ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท
- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.1 ด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 30,000 บาท
หากการกระทำผิดตามวรรคแรก กระทำโดยบุคคลหลายคนโดยพร้อมเพรียงกัน จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท
หากเป็นการกระทำโดยผ่านเครื่องโทรโข่ง หรือเครื่องขยายเสียงประกอบการเชียร์ หรือถ่ายทอดสดผ่านทางสื่อออนไลน์ ปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท และห้ามนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าสถานที่จัดการแข่งขัน 1 ถึง 4 นัด
8. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการ บีวายดี ซีล ไฟว์ ลีกสอง วันที่ 26 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรพัทยา ยูไนเต็ด พบ สโมสรราษีไศล ยูไนเต็ด
- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 85 ผู้ตัดสินหยุดเกมการแข่งขัน เนื่องจากกองเชียร์ทั้ง 2 ทีม มีปากเสียงและขว้างปาแก้วน้ำใส่กัน ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกี่ใบ ในแก้วน้ำน่าจะมีน้ำอยู่ โดยขว้างประมาณ 2 – 3 ครั้ง และตกเข้ามาในสนามเเข่งขัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าระงับเหตุทันทีจนเหตุการณ์สงบ เสียเวลาไปประมาณ 5 นาที จึงเริ่มการแข่งขันต่อจนจบการแข่งขัน และมีการชดเชยเวลาการแข่งขัน 14 นาที
- ผลพิจารณาโทษ
1) ลงโทษกองเชียร์สโมสรพัทยา ยูไนเต็ด ขว้างปาวัสดุหรือสิ่งของใส่กองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท
2) ลงโทษกองเชียร์สโมสรราษีไศล ยูไนเต็ด ขว้างปาวัสดุหรือสิ่งของใส่กองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท
- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.4 กองเชียร์ทีมใด หรือกลุ่มบุคคลใด หรือบุคคลใด ขว้างปาหรือกระทำด้วยประการใด ให้วัสดุหรือสิ่งของอื่นใด เข้าไปในสนามก็ดี หรือกระทำต่อนักกีฬาฟุตบอล หรือเจ้าหน้าที่ทีม หรือกองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน หรือเจ้าหน้าที่การแข่งขันก็ดี องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่เป็นผู้กระทำ และ/หรือ องค์กรสมาชิกที่เป็นทีมเหย้าที่ปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าวต้องรับโทษ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท
9. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ดอลฟิน ลีกสาม วันที่ 26 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรสายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด พบ สโมสรฟุตบอลราชนาวี
- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 67 กองเชียร์สโมสรสายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด ที่นั่งอัฒจันทร์ฝั่งทิศตะวันตก (สังเกตจากเสื้อที่สวมใส่และผังที่นั่งที่ทีมเหย้ากำหนด) ได้ตะโกนด่าผู้ตัดสินโดยพร้อมเพรียงกันด้วยคำหยาบคาย จำนวน 4 ครั้ง เนื่องจากไม่พอใจคำตัดสินของผู้ตัดสิน
- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษกองเชียร์สโมสรสายมิตรกบินทร์ ยูไนเต็ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.1 วรรคสอง ปรับเงิน 20,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 5,000 บาท
- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.1 ด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 30,000 บาท
หากการกระทำผิดตามวรรคแรก กระทำโดยบุคคลหลายคนโดยพร้อมเพรียงกัน จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท
หากเป็นการกระทำโดยผ่านเครื่องโทรโข่ง หรือเครื่องขยายเสียงประกอบการเชียร์ หรือถ่ายทอดสดผ่านทางสื่อออนไลน์ ปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท และห้ามนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าสถานที่จัดการแข่งขัน 1 ถึง 4 นัด
11. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการเมืองไทย คัพ (รอบคัดเลือก) วันที่ 22 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรหัวหิน ซิตี้ พบ สโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด
- เหตุการณ์
ในเวลา 18.00 น. ผู้ตัดสินกำลังจะให้สัญญานเริ่มเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ไฟฟ้าส่องสว่าง เสาด้านหลังผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ได้ดับลง ผู้ตัดสินได้พิจารณาแล้ว แสงสว่างไม่เพียงพอ ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เป็นอุปสรรคในการตัดสิน ผู้ตัดสินจึงแจ้งผู้ควบคุมการแข่งขันดำเนินการ ผู้ควบคุมการแข่งขันได้ประสานงานทีมเหย้าแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเริ่มจับเวลาตามระเบียบการแข่งขัน เวลา 18.05 น. ทีมเหย้าได้ดำเนินการแก้ไข แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ จนครบ 60 นาที (19.05 น.) ตามระเบียบการแข่งขันฯ ผู้ควบคุมการแข่งขัน จึงยกเลิกการแข่งขัน และแจ้งคู่แข่งขันทราบ (สาเหตุของไฟฟ้าดับ เนื่องจากเทศบาลนครหัวหินผู้ดูแลสนามได้ทำการทำถนนใหม่ทำให้สายไฟชำรุด)
- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษสโมสรหัวหิน ซิตี้ ไฟฟ้าส่องสว่างสำหรับใช้ส่องสนามแข่งขันขัดข้อง จนไม่สามารถดำเนินการแข่งขันต่อไปได้ มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.1.10 (2) ให้ปรับสโมสรหัวหิน ซิตี้ แพ้ สโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด ประกอบกับบทที่ 3 ของระเบียบดังกล่าว ข้อความว่า “ข้อกำหนดบทลงโทษเรื่องการปรับแพ้ ให้ปรับทีมนั้นเป็นแพ้ โดยให้นับประตูเสียตามที่เสียจริง หากเสียน้อยกว่า 3 ประตู ให้นับประตูเสียเป็น 3 ประตู ส่วนประตูได้ให้ปรับเป็น 0 ประตู” จึงลงโทษปรับสโมสรหัวหิน ซิตี้ แพ้ สโมสรทัพหลวง ยูไนเต็ด 0 ประตูต่อ 3
- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 5.1.10 ไฟฟ้าส่องสว่างสำหรับใช้ส่องสนามแข่งขันขัดข้อง จนไม่สามารถดำเนินการแข่งขันต่อไปได้ในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังนี้
(1) ไฟฟ้าส่องสนามขัดข้องมากกว่า 3 ครั้ง ในระหว่างการแข่งขัน
(2) ไฟฟ้าส่องสนามขัดข้องเป็นระยะเวลารวมกันทั้งหมดเกินกว่า 60 นาที
องค์กรสมาชิกที่เป็นทีมเหย้า มีโทษถูกปรับแพ้ ทั้งต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายตามที่เกิดขึ้นจริงกับสมาคม
ความในข้อนี้มิให้ใช้บังคับสำหรับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการไทยลีก 3
Development
29 October 2025
ประกาศ : รายชื่อผู้ ผ่านการอบรมหลักสูตร "ซี ไลเซนส์" เดือน สิงหาคม ประจำปี 2568
Organization
28 October 2025
แถลงการณ์สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เรื่องการจับสลาก การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน U19
National Team Men
28 October 2025
สมาคมฯ ประชุมเตรียมแผนฟีฟ่า เดย์ พ.ย. ก่อนสู้ศึก ซีเกมส์-ชิงแชมป์เอเชีย U23 รอบสุดท้าย