สรุปผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ครั้งที่ 9 ประจำฤดูกาล 2568/69

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จัดประชุม ครั้งที่ 9 ประจำฤดูกาล 2568/69 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน

พิจารณาเรื่องร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน

1. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ดอลฟิน ลีกสาม วันที่ 11 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรสิงห์ เชียงราย ซิตี้ พบ สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี (สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี ร้องเรียนมา 1 เหตุการณ์) 

- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 50 ผู้เล่นหมายเลข 55 นายรัฐธรรมนูญ ดียิ่ง สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี ได้พยายามเข้าไปแย่งชิงบอลกับผู้เล่นหมายเลข 31 นายสุริภัทร์ แทนโสภา สโมสรสิงห์ เชียงราย ซิตี้ จังหวะต่อมาได้มีผู้เล่นหมายเลข 43 นายศรันย์ ทัดเที่ยง สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี เข้ามาปะทะทำให้ผู้เล่นหมายเลข 31 นายสุริภัทร์ แทนโสภา สโมสรสิงห์ เชียงราย ซิตี้ ล้มลง ผู้ตัดสินได้ทำเป่าฟาลว์ และคาดโทษ (ใบเหลืองที่ 2) ให้ผู้เล่นหมายเลข 55 นายรัฐธรรมนูญ ดียิ่ง สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี ซึ่งทางสโมสรฯ มองว่า ผู้เล่นคนดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำฟาวล์ครั้งนี้ ไม่ควรได้รับใบเหลืองที่ 2 

- ผลพิจารณา
1) ลงโทษนายนโรดม พรประสิทธิ์ ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 3 สัปดาห์ เนื่องจากผู้เล่นที่กระทำผิดคือ ผู้เล่นหมายเลข 43 นายศรันย์ ทัดเที่ยง สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี แต่ผู้ตัดสินกลับให้ใบเหลืองแก่ผู้เล่นหมายเลข 55 นายรัฐธรรมนูญ ดียิ่ง สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี ซึ่งเป็นการลงโทษผิดตัว จึงพิจารณาว่าเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง 

2) เพิกถอนโทษใบเหลืองที่ 2 ให้ผู้เล่นหมายเลข 55 นายรัฐธรรมนูญ ดียิ่ง สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี ตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษวินัย มารยาท บทที่ 2 ข้อ 2.1.6 วรรคสอง “กรณีที่จะเพิกถอนโทษใบเหลือง ใบแดง ต้องผ่านกระบวนการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขันจนเสร็จสิ้นกระบวนการ ตามที่ระบุไว้ในระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขันฯ โดยจะกระทำได้ต้องเป็นกรณีที่เป็นการคาดโทษ (ใบเหลือง) หรือไล่ออก (ใบแดง) ผิดคนในทีมที่กระทำผิด”

2. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ดอลฟิน ลีกสาม วันที่ 11 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรพีที สตูล เอฟซี พบ สโมสรชุมพร ยูไนเต็ด (สโมสรพีที สตูล เอฟซี ร้องเรียนมา 2 เหตุการณ์) 

- เหตุการณ์ที่ 1
ในนาทีที่ 62 ผู้เล่นหมายเลข 4 นายชัยวัฒน์ ไพโรจน์ สโมสรพีที สตูล เอฟซี ยิงประตูจากนอกกรอบเขตโทษ บอลชนคานกระดอนออกมา ได้มีผู้เล่นของสโมสรชุมพร ยูไนเต็ด (ฝ่ายรับ) โหม่งบอลคืนหลัง ลูกบอลมาถึงผู้เล่นหมายเลข 11 Mr. LUCAS GAUDENCIO MORAES สโมสรพีที สตูล เอฟซี (ฝ่ายรุก) จับบอลลงกำลังจะเล่นต่อ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ยกธงว่า เป็นลูกล้ำหน้า ซึ่งทางสโมสรฯ มองว่า เป็นการส่งบอลคืนหลังของผู้เล่นสโมสรชุมพร ยูไนเต็ด จึงไม่ควรเป็นลูกล้ำหน้า 

- ผลพิจารณา
ลงโทษนายยูอัยดี เจะมิง ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 สัปดาห์ เนื่องจากพิจารณาตำแหน่งการยืนของผู้เล่นฝ่ายรุกไม่ถูกต้องตามหลักกติกาการล้ำหน้า ในจังหวะที่มีการยิงประตูและเท้าผู้เล่นสัมผัสลูกบอลในครั้งแรก ผู้เล่นฝ่ายรุกทุกคนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ล้ำหน้า เมื่อลูกบอลชนคานและกระดอนกลับมา ก่อนที่จะถูกผู้เล่นฝ่ายรับโหม่งบอลคืนหลังโดยไม่มีเจตนา ถือเป็นการเล่นบอลใหม่จากฝ่ายรับ ผู้เล่นฝ่ายรุกจึงมีสิทธิ์เข้าเล่นบอลได้ตามปกติ 

- เหตุการณ์ที่ 2
ในนาทีที่ 82 ผู้เล่นหมายเลข 10 นายฉ่ำสุดดีน โส๊ะเต่ง สโมสรพีที สตูล เอฟซี ถูกผู้เล่นหมายเลข 4 นายซีเกต หมาดปูเต๊ะ สโมสรชุมพร ยูไนเต็ด เข้ามาปะทะในกรอบเขตโทษจนล้มลง แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าฟาลว์ ซึ่งทางสโมสรฯ มองว่า ผู้เล่นหมายเลข 4 นายซีเกต หมาดปูเต๊ะ สโมสรชุมพร ยูไนเต็ด ชักศอกใส่และชนจากด้านหลังใส่ผู้เล่นหมายเลข 10 นายฉ่ำสุดดีน โส๊ะเต่ง สโมสรพีที สตูล เอฟซี จังหวะดังกล่าวควรเป็นการฟาล์วและเป็นจุดโทษ

- ผลพิจารณา
นายอันวาร์ หะยียูโซะ ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้อง เนื่องจากผู้เล่นหมายเลข 4 นายซีเกต หมาดปูเต๊ะ สโมสรชุมพร ยูไนเต็ด ได้ยกแขนขึ้น เพื่อพยายามบังทางและแย่งชิงตำแหน่งกับฝ่ายรุก เป็นลักษณะของการป้องกันและแย่งชิงลูกบอลตามปกติของเกมฟุตบอล (Football Understanding) โดยไม่มีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกติกา 

3. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ดอลฟิน ลีกสาม วันที่ 12 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรแม่โจ้ ยูไนเต็ด พบ สโมสรพิจิตร ยูไนเต็ด 2025 (ฝ่ายจัดการแข่งขัน ส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการประเมินการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสิน) 

- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 57 สโมสรพิจิตร ยูไนเต็ด 2025 ทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นหมายเลข 15 นายภาณุมาศ ชูชื่น (ออก) และส่งผู้เล่นหมายเลข 14 นายปรัชญา เกตุทิพย์ (เข้า) แต่ปรากฎว่าผู้เล่นหมายเลข 15 นายภาณุมาศ ชูชื่น ยังไม่ออกจากสนาม และมีจังหวะเล่นบอลต่อ ก่อนผู้ตัดสินที่ 4 จะแจ้งผู้ตัดสินให้หยุดเกม เพื่อให้ผู้เล่นหมายเลข 15 นายภาณุมาศ ชูชื่น ออกจากสนาม เนื่องจากมีผู้เล่นเกินจำนวน

- ผลพิจารณา
1) ลงโทษนายสุพัฒน์ ไชยงาม ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษ หมวดที่ 9 ลักษณะโทษ ข้อ 57 (3) พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 เดือน เนื่องจากปล่อยให้มีผู้เล่นเกินในสนามตามที่กติกากำหนด
2) ลงโทษนายธนาภัค นวลจันทร์ ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษ หมวดที่ 9 ลักษณะโทษ ข้อ 57 (3) พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 เดือน เนื่องจากปล่อยให้มีผู้เล่นเกินในสนามตามที่กติกากำหนด
3) ลงโทษนางสาวชญานุตม์ ไชยเลิศ ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษ หมวดที่ 9 ลักษณะโทษ ข้อ 57 (3) พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 เดือน เนื่องจากปล่อยให้มีผู้เล่นเกินในสนามตามที่กติกากำหนด
4) ลงโทษนางสาวทัศนีย์ เขื่อนเพชร ผู้ตัดสินที่ 4 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษ หมวดที่ 9 ลักษณะโทษ ข้อ 57 (3) พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 เดือน เนื่องจากปล่อยให้มีผู้เล่นเกินในสนามแข่งขัน

พิจารณาเหตุการณ์ไม่ปกติของการแข่งขันกีฬาฟุตบอล

4. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 18 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรราชบุรี เอฟซี พบ สโมสรลำพูน วอริเออร์

- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 36 ขณะที่สโมสรราชบุรี เอฟซี ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย บอลอยู่นอกการเล่น ผู้เล่นหมายเลข 6 นายทศพล ลาเทศ สโมสรลำพูน วอริเออร์ ได้เจตนาใช้มือขวาลักษณะกำมือแล้วชกไปที่บริเวณด้านหลังของผู้เล่นหมายเลข 2 Mr. GABRIEL DONATIEN MUTOMBO KUPA สโมสรราชบุรี เอฟซี ล้มลง ผู้ตัดสินได้เรียกทีมแพทย์เข้ามาดูอาการบาดเจ็บ โดยสามารถแข่งขันต่อได้ และในจังหวะดังกล่าวได้มีการตรวจสอบจาก VAR แล้ว และไม่ได้มีการลงโทษจากผู้ตัดสิน 

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษผู้เล่นหมายเลข 6 นายทศพล ลาเทศ สโมสรลำพูน วอริเออร์ ทำร้ายร่างกาย ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.19 ประกอบกับ ข้อ 1.12 (1) ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 3 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 1.19 ในกรณีที่นักกีฬาฟุตบอลกระทำความผิดในระหว่างการแข่งขัน แต่ไม่ได้ถูกคาดโทษ (ได้รับใบเหลือง) หรือไม่ได้ถูกให้ออกจากการแข่งขัน (ได้รับใบแดง) คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท สามารถพิจารณาลงโทษการกระทำดังกล่าวได้ โดยนำเกณฑ์การกำหนดโทษตามข้อ 1.1 มาบังคับใช้โดยอนุโลม  หรือหากเป็นการกระทำที่เข้าองค์ประกอบของระเบียบข้อใดข้อหนึ่งโดยเฉพาะ ก็ให้พิจารณาลงโทษตามระเบียบข้อดังกล่าวได้ แต่หากอัตราโทษตามระเบียบข้อเฉพาะนั้น อัตราโทษน้อยกว่าโทษตามข้อ 1.1 ให้คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท มีอำนาจกำหนดโทษตามข้อ 1.1 ที่มีอัตราโทษสูงกว่าได้
 
ข้อ 1.12 ทำร้ายร่างกาย บุคคลใด แต่ละกรณีมีโทษดังนี้ 
(1) ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 2 นัด ถึง 4 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท
(2) เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 4 นัด ถึง 6 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 60,000 บาท
(3) เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 6 นัด ถึง 8 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 80,000 บาท
(4) เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายถึงแก่ความตาย ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนามตลอดชีวิต และปรับเงินตั้งแต่ 80,000 บาท ถึง 100,000 บาท

นอกจากนั้นอันตรายตามข้อ (2) ถึง (4) ในแต่ละกรณี ผู้กระทำต้องรับผิดชอบต่อค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทนด้วย

โทษตามข้อ (1) ถึง (3) หากเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ให้เพิ่มโทษจากเดิมเป็น 2 เท่า เว้นแต่ข้อ (4) เพิ่มแต่เฉพาะค่าปรับขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า เท่านั้น

ทั้งนี้ หากผู้กระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหาย และสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์การแข่งขันกีฬาฟุตบอลของทางสมาคมฯ ให้องค์คณะตุลาการสามารถพิจารณาเพิ่มโทษได้ตามลักษณะโทษที่กำหนดไว้ในระเบียบ

5. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 19 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรชลบุรี เอฟซี พบ สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 

- เหตุการณ์
หลังจบการแข่งขัน ขณะที่คณะผู้ตัดสินเดินออกจากสนามแข่งขัน นายมิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้เดินเข้ามาหาผู้ตัดสินแต่เข้าไม่ถึงตัวเพราะถูกเจ้าหน้าที่ รปภ. กันเอาไว้ และได้ใช้คำพูดต่อว่าผู้ตัดสินว่า “ทำทีมเป็นร้อยล้าน ตัดสินแย่ ๆ แบบนี้” ผู้ตัดสินได้ให้ใบแดงแก่บุคคลดังกล่าว  และจากการแถลงข่าวหลังจบการแข่งขัน นายมิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้ขึ้นแถลงข่าว ซึ่งตามข้อปฏิบัติในระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการจัดการแข่งขันฯ เจ้าหน้าที่ที่ถูกเชิญให้ออก (ใบแดง) ไม่สามารถขึ้นแถลงข่าวได้

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษนายมิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทีม กรณีถูกพักการทำหน้าที่ มีความผิดตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการจัดการแข่งขันฯ บทที่ 4 ข้อ 27.11 ประกอบกับ ระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.14 พักการแข่งขันเพิ่มอีก 1 นัด และปรับเงิน 20,000 บาท

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 2.14 เจ้าหน้าที่ทีม ที่ถูกลงโทษตามลักษณะโทษของเจ้าหน้าที่ทีม ต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทีม ถูกพักการทำหน้าที่ ที่กำหนดไว้ในระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการจัดการแข่งขัน ในแต่ละรายการแข่งขัน หากฝ่าฝืนให้ถือว่าเจ้าหน้าที่ทีมยังมิได้รับโทษครบตามที่กำหนด จะต้องถูกลงโทษ ถูกพักการทำหน้าที่เพิ่มอีก 1 นัด และปรับเงิน 20,000 บาท

6. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการบีวายดี ดอลฟิน ลีกสาม วันที่ 12 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรแม่โจ้ ยูไนเต็ด พบ สโมสรพิจิตร ยูไนเต็ด 2025 

- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 57 ทางสโมสรพิจิตร ยูไนเต็ด 2025 ได้ทำการเปลี่ยนตัวพร้อมกัน 3 คน โดยมีผู้เล่นหมายเลข 15 นายภาณุมาศ ชูชื่น (ออก) และผู้เล่นหมายเลข 14 นายปรัชญา เกตุทิพย์ (เข้า) ซึ่งผู้เล่นหมายเลข 14 ได้เข้าไปในสนามแล้ว แต่ผู้เล่นหมายเลข 15 ยังยืนอยู่บริเวณในสนามด้านข้าง ในจังหวะนั้นมีผู้เล่นได้ส่งบอลมาให้ผู้เล่นหมายเลข 15 และผู้เล่นหมายเลข 15 ได้จับบอลและพร้อมจะเล่นบอลไปด้านหน้า แต่ทางผู้ช่วยผู้ตัดสิน เห็นผู้เล่นหมายเลข 15 นายภาณุมาศ ชูชื่น จึงแจ้งผู้ตัดสิน ผู้ตัดสินจึงได้เป่าหยุดการแข่งขัน ในนาทีที่ 57 จากนั้นผู้ตัดสินได้เข้าไปถามผู้ตัดสินที่ 4 โดยผู้ตัดสินที่ 4 ได้แจ้งให้กับผู้ตัดสินทราบว่ามีผู้เล่นเกินจำนวน ผู้ตัดสินจึงให้ผู้เล่นหมายเลข 15 ออกนอกสนามไป

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษสโมสรพิจิตร ยูไนเต็ด 2025 เปลี่ยนตัวนักกีฬาฟุตบอลไม่เป็นไปตามระเบียบการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 3.25 ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 7,500 บาท 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ 
ข้อ 3.25 ทีมใดเปลี่ยนตัวนักกีฬาฟุตบอล โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสินหรือไม่เป็นไปตามระเบียบการแข่งขัน ให้ปรับเงินครั้งละ 30,000 บาท

7. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการบีวายดี ดอลฟิน ลีกสาม วันที่ 18 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรเชียงราย ทีเอสซี เอฟซี พบ สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี

- เหตุการณ์
นาทีที่ 89 ขณะสโมสรเชียงราย ทีเอสซี เอฟซี บุกมายังหน้าประตูสโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี เกิดการแย่งชิงและผู้เล่นสโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี สกัดบอลออกมาบริเวณกลางสนาม ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 แจ้งผู้ตัดสินว่าผู้เล่นหมายเลข 88 นายพนธกร โกสันเทียะ สโมสรเชียงราย ทีเอสซี เอฟซี ใช้ศอกเข้าบริเวณที่ใบหน้าของผู้เล่นหมายเลข 4 นายกฤษณะ จำเนียรการ สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี ผู้ตัดสินเป่าหยุดการเล่นหลังจากสื่อสารกับผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 แล้วให้ใบแดงกับผู้เล่นหมายเลข 88 นายพนธกร โกสันเทียะ สโมสรเชียงราย ทีเอสซี เอฟซี (กระทำผิดกติกาอย่างร้ายแรง VC) หลังจากนั้นผู้เล่นหมายเลข 4 นายกฤษณะ จำเนียรการ สโมสรอุตรดิตถ์ เอฟซี ได้มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในสนาม และลงเล่นต่อจนจบการแข่งขัน

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษเพิ่มเติม ผู้เล่นหมายเลข 88 นายพนธกร โกสันเทียะ สโมสรเชียงราย ทีเอสซี เอฟซี ทำร้ายร่างกายคู่แข่งขันเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย  มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.12 (2) ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 6 นัด และปรับเงิน 60,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 15,000 บาท 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ 
ข้อ 1.12 ทำร้ายร่างกาย บุคคลใด แต่ละกรณีมีโทษดังนี้ 
(1) ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 2 นัด ถึง 4 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท
(2) เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 4 นัด ถึง 6 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 60,000 บาท
(3) เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 6 นัด ถึง 8 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 80,000 บาท
(4) เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายถึงแก่ความตาย ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนามตลอดชีวิต และปรับเงินตั้งแต่ 80,000 บาท ถึง 100,000 บาท

นอกจากนั้นอันตรายตามข้อ (2) ถึง (4) ในแต่ละกรณี ผู้กระทำต้องรับผิดชอบต่อค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทนด้วย

โทษตามข้อ (1) ถึง (3) หากเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ให้เพิ่มโทษจากเดิมเป็น 2 เท่า เว้นแต่ข้อ (4) เพิ่มแต่เฉพาะค่าปรับขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า เท่านั้น

ทั้งนี้ หากผู้กระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหาย และสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์การแข่งขันกีฬาฟุตบอลของทางสมาคมฯ ให้องค์คณะตุลาการสามารถพิจารณาเพิ่มโทษได้ตามลักษณะโทษที่กำหนดไว้ในระเบียบ

8. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการบีวายดี ดอลฟิน ลีกสาม วันที่ 19 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรเมืองเลย ยูไนเต็ด พบ สโมสรร้อยเอ็ด พีบี ยูไนเต็ด

- เหตุการณ์
หลังจบการแข่งขันในระหว่างที่ผู้ตัดสินเดินออกจากสนาม จากรั้วสนามถึงอุโมงค์ทางเข้าสนาม นายรชต บูชาเกียรติ เจ้าหน้าที่ทีม สโมสรร้อยเอ็ด พีบี ยูไนเต็ด ได้มายืนรอและตะโกนด่าผู้ตัดสินด้วยคำหยาบคายล

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษนายรชต บูชาเกียรติ เจ้าหน้าที่ทีม สโมสรร้อยเอ็ด พีบี ยูไนเต็ด ด่าเจ้าหน้าที่การแข่งขันด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย  มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.6 ถูกพักการทําหน้าที่ 2 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท เนื่องจากเป็นการกระทําต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขันให้พิจารณาเพิ่มโทษ แต่ทั้งนี้โทษรวมที่จะได้รับต้องไม่เกินสองเท่า คณะกรรมการฯ จึงพิจารณาเพิ่มโทษนายรชต บูชาเกียรติ เจ้าหน้าที่ทีม สโมสรร้อยเอ็ด พีบี ยูไนเต็ด พักการทําหน้าที่เพิ่มอีก 1 นัด และปรับเงินเพิ่มอีก 20,000บาท รวมโทษถูกพักการทําหน้าที่ 3 นัด และปรับเงิน 60,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 15,000 บาท 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ 
ข้อ 2.6 กรณีด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย ถูกพักการทำหน้าที่ 2 นัด และจะถูกปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 40,000 บาท

หากเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ให้พิจารณาเพิ่มโทษแต่ทั้งนี้โทษรวมที่จะได้รับต้องไม่เกินสองเท่า

9. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการบีวายดี ดอลฟิน ลีกสาม วันที่ 19 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรพิจิตร ยูไนเต็ด พบ สโมสรกำแพงเพชร เอฟซี

- เหตุการณ์
นายเศกสรร ศิริพงค์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน สโมสรกำแพงเพชร เอฟซี ไม่คล้องเอดีการ์ดในครึ่งเวลาแรก ผู้ควบคุมการแข่งขันได้ลงไปแจ้งให้คล้องเอดีการ์ดให้เรียบร้อย

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษนายเศกสรร ศิริพงค์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน สโมสรกำแพงเพชร เอฟซี  ไม่คล้องเอดีการ์ด มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.1 ปรับเงิน 10,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 2,500 บาท 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ 
ข้อ 2.1 กรณีไม่พกพา AD CARD และ/หรือ ไม่คล้องคอตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดของระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการจัดการแข่งขัน ในแต่ละรายการแข่งขัน และ/หรือ ออกนอกเขตเทคนิค ในระหว่างการแข่งขัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือยืนสอนในเขตเทคนิคขณะใดขณะหนึ่งเกินกว่า 1 คน ในระหว่างการแข่งขัน หรือแต่งกายไม่เหมาะสม ต้องถูกปรับเงินคนละ 10,000 บาท