สรุปผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ครั้งที่ 25 ประจำฤดูกาล 2567/68

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จัดประชุม ครั้งที่ 25 ประจำฤดูกาล 2567/68 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน

พิจารณาเรื่องร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน

1. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการไทยลีก 3 วันที่ 26 มกราคม 2568 คู่ระหว่างสโมสร พราม แบงค็อก พบ สโมสร มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เอฟซี (สโมสร พราม แบงค็อก ร้องเรียนมา 1 เหตุการณ์) 

- เหตุการณ์ 
ในนาทีที่ 90+5 ผู้เล่นหมายเลข 10 Mr. LARS WILLIAM KVIST สโมสร พราม แบงค็อก ได้เปิดลูกบอลเข้าไปบริเวณหน้ากรอบเขตโทษของสโมสร มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เอฟซี โดยที่ลูกบอลไปเข้าทางผู้เล่นหมายเลข 99 นายศุภกฤต เพ็ชรพล สโมสร มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต นั้น ซึ่งทางสโมสร พราม แบงค็อก มองว่า ผู้เล่นคนดังกล่าวเจตนาใช้เท้าส่งลูกบอลคืนให้กับผู้รักษาประตูสโมสร มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ก่อนที่ผู้รักษาประตูจะได้ใช้มือรับลูกบอลในกรอบเขตโทษ โดยไม่ใช่การสกัดแต่อย่างใด แต่ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าฟาล์ว จึงทำให้สโมสร พราม แบงค็อก ไม่ได้เตะโทษโดยอ้อม (Indirect free kick) 

- ผลพิจารณาโทษ
หลังจากที่ผู้เล่นหมายเลข 10 Mr. LARS WILLIAM KVIST สโมสร พราม แบงค็อก เตะลูกบอลเข้าบริเวณเขตโทษและลูกบอลได้ตกมาใส่เท้าของผู้เล่นหมายเลข 99 นายศุภกฤต เพ็ชรพล สโมสร มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ก่อนที่ลูกบอลจะไปหาผู้รักษาประตูสโมสร มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ในลักษณะที่ไม่มีเจตนาส่งคืนให้กับผู้รักษาประตู เนื่องจากลูกบอลมาด้วยความเร็ว ยากต่อการเล่นและควบคุม ประกอบกับลูกบอลมาหาโดยไม่คาดคิดเพราะลูกบอลลอยผ่านเหนือศีรษะของผู้เล่นหมายเลข 4 นายพิษณุ ปุณริบูรณ์ สโมสร มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต มาก่อน และเป็นการเล่นโดยสัญชาตญาณ นายณัทภัค สวัสดี ผู้ตัดสิน ไม่มีการเป่าฟาล์ว ถือว่าตัดสินได้ถูกต้อง

2. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการไทยลีก 3 วันที่ 25 มกราคม 2568 สโมสร มหาวิทยาลัยปทุมธานี พบ สโมสร เอยูยู อินเตอร์ แบงค็อก (สโมสร เอยูยู อินเตอร์ แบงค็อก ร้องเรียนมา 1 เหตุการณ์) 

- เหตุการณ์ 
ในนาทีที่ 90+4 จากจังหวะที่มีการชุลมุน ผู้เล่นหมายเลข 16 นายชาคริต สิบรัมย์ สโมสร เอยูยู อินเตอร์ แบงค็อก ได้เข้ามาใช้หน้าอกชนใส่ผู้เล่นหมายเลข 22 นาย อนุรักษ์ สืบสุนทร สโมสร มหาวิทยาลัยปทุมธานี ทำให้ผู้เล่นหมายเลข 18 นายกิตติเดช แทบทาม สโมสร มหาวิทยาลัยปทุมธานี เกิดความไม่พอใจจึงเข้ามาชกและใช้เท้าถีบใส่ผู้เล่นหมายเลข 16 นายชาคริต สิบรัมย์ สโมสร เอยูยู อินเตอร์ แบงค็อก จนล้มลง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ตัดสินได้ทำการไล่ออก (ใบแดง)กับผู้เล่นหมายเลข 18 นายกิตติเดช แทบทาม สโมสร มหาวิทยาลัยปทุมธานี, ผู้เล่นสำรองหมายเลข 55 นายชุติเดช ปาลวงค์ สโมสร มหาวิทยาลัยปทุมธานี และผู้เล่นหมายเลข 16 นายชาคริต สิบรัมย์ สโมสร เอยูยู อินเตอร์ แบงค็อก ซึ่งทางสโมสรฯ เห็นว่า ผู้เล่นหมายเลข 16 นายชาคริต สิบรัมย์ สโมสร เอยูยู อินเตอร์ แบงค็อก เป็นผู้ที่ถูกกระทำคือโดนชกและโดนถีบ ไม่สมควรที่ต้องโดนรับโทษใบแดงในกรณีนี้ อีกทั้งยังมีผู้เล่นสำรองของสโมสร มหาวิทยาลัยปทุมธานี อีกประมาณ 4 คน เข้ามาในสนามร่วมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ถูกผู้ตัดสินตักเตือนหรือลงโทษแต่อย่างใด   

- ผลพิจารณาโทษ
1) ลงโทษนายอิสรา เกิดไทย ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขันฯ ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (3) พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 เดือน เนื่องจากการกระทำของผู้เล่นหมายเลข 16 นายชาคริต สิบรัมย์ สโมสร เอยูยู อินเตอร์ แบงค็อก ที่วิ่งเข้ามาผลักนั้น ไม่ได้มีความรุนแรง ไม่มีเจตนาทำร้าย เป็นเพียงการประพฤติตนอย่างไม่มีน้ำใจนักกีฬา ความผิดเป็นแค่ใบเหลือง ไม่ใช่ใบแดง การที่ผู้ตัดสินให้ใบแดง ถือว่าตัดสินไม่ถูกต้อง 

2) ลงโทษนายดนัย ยมมูล ผู้ตัดสินที่ 4 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขันฯ ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 สัปดาห์  เนื่องจากเป็นกรณีมีความผิดที่ต้องลงโทษด้วยใบเหลืองในพื้นที่รับผิดชอบ เห็นเหตุการณ์แต่ไม่แจ้งผู้ตัดสิน

กรณีเหตุการณ์ไม่ปกติของการแข่งขันกีฬาฟุตบอล

1. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 วันที่ 26 มกราคม 2568 คู่ระหว่างสโมสร ปัตตานี เอฟซี พบ สโมสร สงขลา เอฟซี 

- เหตุการณ์
หลังจบการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง เวลา 17.53 น. นักกีฬาสโมสร ปัตตานี เอฟซี และสโมสร สงขลา เอฟซี ได้เข้าแถวบริเวณกลางสนามทำความเคารพผู้ชมที่มาให้กำลังใจ หลังจากนั้นนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมสโมสร ปัตตานี เอฟซี ได้เดินไปขอบคุณกองเชียร์กลุ่ม QUEEN CANNONE ARMY ที่มาชมและเชียร์ด้านสกอร์บอร์ด กองเชียร์ได้ร้องเพลงกระตุ้นเพื่อให้กำลังใจ กระหายในชัยชนะ และพูดว่า “ไม่แพ้ก็บุญแล้ว” ต่อจากนั้นก็เดินมาขอบคุณกองเชียร์กลุ่ม H-ZONE บริเวณอัฒจันทร์ฝั่งคบเพลิง พร้อมร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับกองเชียร์ และเดินเข้าห้องพักตามปกติ  เวลาประมาณ 18.30 น. ขณะที่กองเชียร์กลุ่ม QUEEN CANNONE ARMY กำลังนั่งรับประทานอาหารบนอัฒจันทร์ นายซุลกิฟลี เซาะแม เจ้าหน้าที่ทีมสโมสร ปัตตานี เอฟซี ได้เดินขึ้นไปบนอัฒจันทร์ฝั่งกองเชียร์กลุ่ม QUEEN CANNONE ARMY และได้เข้ามาทำร้ายร่างกาย นายนิรุสลัน มะแซ สมาชิกกลุ่ม QUEEN CANNONE ARMY โดยไม่ทราบสาเหตุจนได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นสมาชิกกลุ่มได้เข้ามาช่วยกันห้ามปรามและแยกย้ายกันไป ต่อมาเวลาประมาณ 21.39 น. นายนิรุสลัน มะแซ ได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรปัตตานี และเวลาประมาณ 22.30 น. เดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลปัตตานีไว้เป็นหลักฐาน

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษนายซุลกิฟลี เซาะแม เจ้าหน้าที่ทีมสโมสร ปัตตานี เอฟซี ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย แม้จะมีการแจ้งความบันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นภายในสถานที่จัดการแข่งขัน ภายหลังจบการแข่งขัน จึงมีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษวินัย มารยาท จึงมีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.8 (2) ปรับเงิน 60,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 15,000 บาท และถูกพักการทำหน้าที่ 6 เดือน 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 2.8 กรณีทำร้ายร่างกายบุคคลใด แต่ละกรณีมีโทษดังนี้
 (2) เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย ปรับเงินตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 80,000 บาท และถูกพักการทำหน้าที่ 6 เดือน

2. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 คู่ระหว่างสโมสร ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี พบ สโมสร ฟุตบอลกองเรือรบ

- เหตุการณ์
 หลังจากผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบการแข่งขัน ได้มีนายไตรรงค์ เรืองศิริ ผู้จัดการทีมสโมสร ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี ซึ่งไม่มีรายชื่อในใบรายชื่อในม้านั่งสำรองในการแข่งขันวันนี้ ได้เดินลงในสนามแข่งขัน ทำการดึง บีบคอ และทำร้ายฉุดกระชากผู้ตัดสิน หลังจากนั้นได้มีการ์ดนำผู้ตัดสินออกจากสนามและเข้าห้องพักผู้ตัดสิน เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บบริเวณคอ พบรอยถลอก รอยช้ำ ปวดคอ และศีรษะ จึงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจระบุว่าบริเวณคอมีการอักเสบจากการโดนทำร้าย

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษนายไตรรงค์ เรืองศิริ ผู้จัดการทีมสโมสร ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.8 (2) ปรับเงิน 80,000 บาท และถูกพักการทำหน้าที่ 6 เดือน เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ให้เพิ่มโทษจากเดิมเป็น 2 เท่า จึงเพิ่มโทษปรับเงิน เป็นปรับเงิน 160,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 40,000 บาท และเพิ่มโทษถูกพักการทำหน้าที่เป็น 12 เดือน

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 2.8 กรณีทำร้ายร่างกายบุคคลใด แต่ละกรณีมีโทษดังนี้

(2) เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย ปรับเงินตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 80,000 บาท และถูกพักการทำหน้าที่ 6 เดือน โทษตามข้อ (1) ถึง (3) หากเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ให้เพิ่มโทษจากเดิมเป็น 2 เท่า เว้นแต่ข้อ (4) เพิ่มแต่เฉพาะค่าปรับขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า เท่านั้น

3. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 คู่ระหว่างสโมสร เชียงใหม่ เอฟซี พบ สโมสร พิษณุโลก เอฟซี

- เหตุการณ์
เหตุการณ์ที่ 1 ในนาทีที่ 24 สโมสร เชียงใหม่ เอฟซี ได้ประตูขึ้นนำ 1 ประตูต่อ 0 นั้น ได้มีกองเชียร์ชาวจีนที่ทางสโมสร เชียงใหม่ เอฟซี ได้ทำหนังสือถึงฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด เพื่อแจ้งว่าจะนำกองเชียร์ชาวจีน เข้ามาชมการแข่งขันในนัดนี้ ซึ่งจัดที่นั่งไว้ที่โซน HOME 2 เป็นที่นั่งที่จัดไว้สำหรับกองเชียร์ทีมเหย้าสโมสร เชียงใหม่ เอฟซี จึงถือว่ากลุ่มกองเชียร์ดังกล่าวเป็นกองเชียร์ที่สโมสร เชียงใหม่ เอฟซี ให้การรับรองในการเข้าชม และต้องรับทราบถึงระเบียบข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติตาม ได้มีการปาพลุควันลงไปในสนามบริเวณลู่วิ่งยางข้างที่นั่งผู้เล่นสำรองสโมสร พิษณุโลก เอฟซี และในขณะนั้นประมาณ 5 วินาทีที่พลุควันตกลงบนพื้นลู่วิ่ง ได้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รีบวิ่งเข้าไปหยิบพลุควันออกไปทิ้งด้านนอกสนามทันที แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้าไปพาตัวผู้ก่อเหตุออกจากสนามทันที 

เหตุการณ์ที่ 2 หลังจากหมดเวลาการแข่งขัน ขณะที่ทางทีมงานผู้ตัดสินกำลังเดินออกจากสนามจะเข้าห้องพัก บริเวณอุโมงค์ทางเข้านักกีฬา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลอยู่นั้น ได้มีนายศัศวัศ แป้งแค้ว เจ้าหน้าที่ทีม สโมสร เชียงใหม่ เอฟซี ได้เดินเข้ามาใช้คำพูดด่าทอ ข่มขู่ผู้ตัดสิน โดยมีทีมงานผู้ตัดสินทั้ง 4 คน ได้ยินคำพูดที่เจ้าหน้าที่ทีมคนดังกล่าวด่าทออย่างชัดเจน แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้กันตัว นายศัศวัศ แป้งแค้ว ออกไป โดยทีมงานผู้ตัดสินได้ตรวจสอบกับใบ OFFICIAL LIST ซึ่งมีภาพระบุอย่างชัดเจนว่าเป็น นายศัศวัศ แป้งแค้ว

- ผลพิจารณาโทษ 
1) ลงโทษกองเชียร์สโมสร เชียงใหม่ เอฟซี กระทำการที่ไม่เหมาะสมในสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.3 ปรับเงิน 60,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 15,000 บาท 
2) ลงโทษสโมสร เชียงใหม่ เอฟซี บกพร่องในการตรวจเช็คควบคุมไม่ให้กองเชียร์หรือบุคคลใดนำพลุเข้าไปในสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.18 (1) ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 7,500 บาท 
3) ลงโทษนายศัศวัศ แป้งแค้ว เจ้าหน้าที่ทีมสโมสร เชียงใหม่ เอฟซี ด่าผู้ตัดสินด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย และข่มขู่ผู้ตัดสิน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.6 ถูกพักการทำหน้าที่ 2 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 10,000 บาท 

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.3 ใช้วัสดุอุปกรณ์ใด ๆ ที่ก่อให้เกิดการรบกวนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน หรือนักกีฬาฟุตบอลระหว่างการแข่งขัน เช่น การเป่านกหวีด หรือการใช้แตร หรือการใช้แตรไฟฟ้า หรือฉายแสงเลเซอร์ เป็นต้น หรือกระทำการใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมในสถานที่จัดการแข่งขัน ได้แก่ การจุดพลุ หรือจุดประทัด หรือจุดไฟเย็น หรือจุดวัตถุอื่นจนเกิดเป็นควัน หรือจุดพลุบริเวณที่ว่างด้านหลังของอัฒจันทร์ ทั้งก่อน หรือระหว่าง หรือหลังจากการแข่งขันจบลงแล้ว จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท

หากผลจากการกระทำตามวรรคหนึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลใด หรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือสถานที่ใด องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่กระทำ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 70,000 บาท ถึง 150,000 บาท และต้องรับผิดชอบต่อค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ได้รับอันตราย และค่าเสียหายของทรัพย์สินหรือสถานที่ รวมทั้งอาจถูกพิจารณาเพิ่มโทษ
 
ข้อ 5.3.18 ความบกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัยในวันแข่งขัน
(1) บกพร่องในการตรวจเช็คหรือควบคุมไม่ให้กองเชียร์หรือบุคคลใด นำขวดน้ำ พลุ ประทัดดอกไม้ไฟ หรือวัสดุที่สามารถนำไปใช้ในการทำร้ายกันได้ เข้าไปในสถานที่จัดการแข่งขัน หรืออัฒจันทร์ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท
 
ข้อ 2.6 กรณีด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย ถูกพักการทำหน้าที่ 2 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท