กว่าที่โค้ชจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของสายอาชีพได้ พวกเขาต้องผ่านการฝึกอบรม เรียนรู้ ในหลักสูตรต่าง ๆ ที่เป็นมาตรฐานระดับนานาชาติ ที่มีการปรับปรุงและพัฒนาให้เหมาะสมกับประเทศไทย ตามแนวทางที่สมาคมฯ กำหนดไว้ เพราะพันธกิจของสมาคมฯ คือ พัฒนาฟุตบอลไทยทั้งระบบ และหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญ นั่นคือ “โค้ช” ผู้เป็นมากกว่าคนสอนฟุตบอล แต่เขาคือต้นทางของความสำเร็จ ผู้วางอิฐก้อนแรกบนถนนสายลูกหนังให้กับนักฟุตบอลก้าวเดิน

บนถนนผู้ขับขี่รถต้องมีใบอนุญาตขับขี่ เช่นเดียวกัน บนถนนสายลูกหนัง โค้ชต้องได้รับ “AFC DIPLOMA” หรือใบประกาศนียบัตรผู้ฝึกสอน แต่กว่าจะผ่านไปได้ไม่ง่ายเลย โค้ชต้องผ่านการอบรม ทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ รวมถึงปรัชญาฟุตบอล ให้เข้าถึงศาสตร์ของฟุตบอลได้อย่างถ่องแท้ 

แล้วโค้ชแต่ละระดับ COACHING LEVEL ต่างกันอย่างไร?

G: คือ โค้ชระดับพื้นฐาน (GRASS ROOTS) สอนตั้งแต่อายุ 6 – 12 ปี

C: คือ โค้ชเยาวชนขั้นพื้นฐาน (BASIC YOUTH) สอนในช่วงอายุ 13 – 18 ปี

B: คือ โค้ชเยาวชน & สมัครเล่น (YOUTH & AMATEUR) สอนในช่วงอายุ 13 – 18 ปีและนักฟุตบอลสมัครเล่น

A: คือ โค้ชเยาวชนขั้นสูง & กึ่งอาชีพ (YOUTH & SEMI-PRO) สอนตั้งแต่อายุ19 ปีขึ้นไปและนักฟุตบอลสมัครเล่นขั้นสูง

PRO: คือ โค้ชอาชีพ (PROFESIONAL) สอนนักฟุตบอลอาชีพ

แต่ละหลักสูตร ใช้เวลาเรียนและเนื้อหาต่างกัน การอบรมตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน G จำนวน 7 วัน จนถึงขั้นระดับ PRO ระดับสูงสุด ที่ต้องใช้เวลานานถึง 50 วัน

สิ่งที่ต้องรู้อีกสิ่งหนึ่งก็คือ นักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จ ใช้พรสวรรค์ที่ติดตัวมาแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 90 เปอร์เซ็นต์มาจากพรแสวง และผู้ที่จะช่วยให้นักเตะประสบความสำเร็จได้นั้นก็คือ "โค้ช"

#FAThailand #FIFA #TDS #NSDF #CoachEducation #GrowTogether